ราชวงศ์สุย (
อังกฤษ: Sui Dynasty;
จีน:
隋朝;
พินอิน: Suí cháo) เป็นราชวงศ์ที่ทรงอำนาจทางการทหารแต่มีระยะเวลาการปกครองที่ค่อนข้างสั้น สถาปนาขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 1124 ภายหลังจาก
ยุคราชวงศ์เหนือ-ใต้[1] โดย
จักรพรรดิสุยเหวินตี้(หยางเจียน) อดีตแม่ทัพแห่ง
ราชวงศ์โจวเหนือ โดยในรัชกาลของพระองค์ทรงสามารถรวบรวมแผ่นดินจีนให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง มีนคร
ฉางอันเป็นเหมืองหลวงระหว่าง พ.ศ. 1124 - พ.ศ. 1148 และต่อมาย้ายไปนคร
ลั่วหยางระหว่าง พ.ศ. 1148 - พ.ศ. 1161 แต่ราชวงศ์สุยมีอันต้องล่มสลายลงในปี
พ.ศ. 1161 ในรัชกาล
จักรพรรดิสุยหยางตี้(หยางกว่าง) พระราชโอรสองค์รองของสุยเหวินตี้
จักรพรรดิสุยเหวินตี้ ทรงดำเนินนโยบายอย่างแยบยล โดยการหล่อหลอมเอาวัฒนธรรมแต่ละแคว้นเข้าด้วยกัน เพื่อผสมผสานให้แต่ละแคว้นมีความเป็นปึกแผ่น โดยมีการผสมผสานหลักการของ
ศาสนาพุทธที่หยางเจียนนับถือ เข้ากับ
ลัทธิขงจื๊อและ
ลัทธิเต๋า แล้วนำมาพัฒนาเป็นการสร้างความมั่นคงให้แก่กฎหมายของราชวงศ์ โดยแม้ต่อมา
ราชวงศ์ถังจะสถาปนาขึ้น ก็ยังรับเอาวัฒนธรรมการหล่อหลอมคำสอนศาสนามาใช้ต่อเนื่อง
[2] หลังจากนั้น ทรงดำเนินนโยบายให้ขุนนางในราชสำนักรวมไปถึงเชื้อพระวงศ์ได้แต่งงานกับชนเผ่าต่าง ๆ เพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรี เพราะโดยพื้นเพเดิมนั้น ทั้งหยางเจียนและพระมเหสี ก็ทรงเป็นตระกูลจีนแท้ผสมกับชนเผ่าเติร์กอยู่แล้ว
สุยหยางตี้ทรงดำเนินนโยบาย ขุดคลอง
ต้ายุ่นเหอขนาดมหึมา ยาวกว่า 2,500 กิโลเมตร จากนคร
ลั่วหยางเป็นศูนย์กลาง ขึ้นเหนือสู่จั๋วจวิน (
ปักกิ่งปัจจุบัน) ลงใต้ไปถึงเมืองอู๋หาง (
หางโจวปัจจุบัน) เป็นการเชื่อมแม่น้ำไห่เหอ
แม่น้ำฮวงโห แม่น้ำหวยเหอ
แม่น้ำแยงซีเกียง และ
แม่น้ำเฉียนถังเจียงเข้าด้วยกัน เพื่อการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวดินแดน
เจียงหนาน และเพื่อเชื่อมต่อดินแดนภาคเหนือและใต้เข้าด้วยกัน รวมไปถึง การสร้างยุ้งฉางกักตุนสินค้าขนาดใหญ่โต เพื่อรองรับสินค้าเกือบตลอดแนวคลอง คลองขุดสายนี้นับเป็นโครงการอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน
[3]มีการริเริ่มการสอบ
จอหงวน เป็นครั้งแรก ทั่วราชอาณาจักร เพื่อคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถเข้ามารับราชการในตำแหน่งขุนนาง ทำให้แต่เดิม ที่ขุนนางจะมีเพียงแต่ชนชั้นสูงที่สืบทอดสกุลต่อกันมา ทำให้อาจจะมีแต่ตำแหน่งแต่ไร้ความสามารถ จึงได้ผู้ที่มีฝีมือและความรู้อย่างแท้จริง ซ้ำยังทำให้ประชาชนได้มีโอกาสมารับราชการในราชวัง นับว่าเป็นการลดการเหลื่อมล้ำทางสังคมอีกด้วยแต่ต่อมา เมื่อหยางกว่างขึ้นครองราชย์ ทรงประกาศสงครามกับชนเผ่าต่าง ๆ ทำให้ทรงขยายพื้นที่ทางด้านตะวันตกได้พอสมควร ซ้ำยังยกทัพไปบุกเกาหลีและแมนจู
[4] แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะด้วยประสบกับความหนาวเหน็บ ซ้ำยังไม่มีการควบคุมทัพที่ดีพอ ทำให้พ่ายศึก ตามพงศาวดารกล่าวไว้ว่า ซึ่งสุยหยางตี้บัญชาให้ยกทัพขนาดมหึมานี้ ถึง 4 ครั้ง ทำให้ราชวงศ์สุย เสียหายอย่างหนัก
[5] ด้วยเหตุนี้ จึงการการก่อจลาจลทั่วทุกหัวระแหง ที่ใหญ่ ๆ มี 3 กลุ่ม อันได้แก่ กองกำลังหวากัง นำโดยใจ๋หยางและหลี่มี่ กองกำลังเจียงไหว นำโดยตู้ฝูเว่ย และกองกำลังเหอเป่ย นำโดยโต้วเจี้ยนเต๋อ รวมไปถึงการก่อกบฏในราชสำนักเองอีกด้วย สุดท้าย สุยหยางตี้ถูกลอบปลงพระชนม์โดยพระประยูรฐาติของพระองค์ นำโดยอวี้เหวินฮั่วจี๋ ราชวงศ์สุยถึงกาลอาวสาน เมื่อปี พ.ศ. 1161