ปิดกั้นประเทศจากชาวตะวันตก ของ ราชวงศ์โชซ็อน

ใน พ.ศ. 2278 แฮ็นดริก ฮาเมิล พนักงานบัญชีของบริษัทอินเดียตะวันออกของเนเธอร์แลนด์ แล่นเรือมุ่งหน้าสู่ญี่ปุ่นแต่ถูกพายุซัดมาเรือล่มที่เกาะเชจูมีลูกเรือรอดอยู่ 30 กว่าคน แต่ทั้งหมดก็ถูกพระเจ้าฮโยจงจับขังไว้ที่ฮันยางนานถึง 13 ปี แล้วฮาเมิลจึงสามารถหลบหนีออกมาจากอาณาจักรฤๅษี (The Hermit Kingdom) นี้ได้ ฮาเมิลและพรรคพวกเป็นชาวตะวันตกกลุ่มแรกที่ได้เห็นผืนแผ่นดินโชซ็อน แม้โชซ็อนจะต้อนรับไม่ค่อยจะดีนักก็ตาม

พระเจ้ายองโจ

แต่สำหรับชาวโชซ็อนแล้ว หลังจากผ่านสงครามกับต่างชาติที่หนักหน่วงมาสองครั้ง ได้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งที่มาจากภายนอกเป็นภัยไปเสียหมด ทำให้โชซ็อนมีนโยบายปิดประเทศที่แข็งกร้าว มีเพียงสองทางแคบ ๆ ที่โชซ็อนติดต่อกับโลกภายนอกคือการค้ากับจีนและกับญี่ปุ่นผ่านเกาะซิชิมา เมื่อมีชาวยุโรปมาหาโดยไม่ตั้งตัวจึงเหมือนกับมีมนุษย์ต่างดาวบุกก็ไม่ปาน แต่วิทยาการตะวันตกก็แทรกซึมมาสู่อาณาจักรล้อมรั้วเหล็กนี้ได้ในที่สุด ผ่านทางการค้ากับจีน เมื่อพระเจ้าอินโจส่งพระโอรสสองพระองค์ไปเป็นตัวประกันที่จีน พระโอรสทั้งสองก็ได้สัมผัสกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของชาวตะวันตกในจีน รวมทั้งคณะมิชชันนารีที่กำลังแผยแผ่ศาสนาคริสต์ ในพ.ศ. 2288 องค์ชายโซฮย็อนเสด็จกลับโชซ็อน ได้นำสินค้าจีนและแนวความคิดแบบชาวตะวันตกเข้ามา ทำให้พระองค์ทรงขัดแย้งกับพระเจ้าอินโจ และทรงถูกปลงพระชนม์ในที่สุด

ในศตวรรษที่ 18 คณะมิชชันนารีก็ได้ย่างเท้าเข้ามาสู่อาณาจักรโชซ็อนในที่สุด และเริ่มได้รับผู้นับถือมากขึ้นเรื่อย ๆ บรรดาขุนนางและปราชญ์ขงจื๊อต่างเห็นพ้องต้องกันว่าศาสนาคริสต์เป็นความเชื่อที่คุกคามโครงสร้างทางสังคมของโชซ็อน แต่สำหรับสามัญชนแล้วศาสนาคริสต์คือผู้ปลดปล่อยพวกเขาจากสังคมที่เข้มงวดของโชซ็อนนั่นเอง จนในพ.ศ. 2301 พระเจ้ายองโจก็ทรงประกาศห้ามการเผยแผ่ศาสนาคริสต์ แต่พระเจ้ายองโจก็ทรงมีนโยบายที่ผ่อนปรน แต่หลังจากสมัยของพระองค์แล้วก็มีการสังหารหมู่ชาวคริสต์อยู่หลายครั้ง ชาวคริสต์จึงต้องหลบซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ และบ่อยครั้งที่ถูกตามจนพบและกวาดล้าง

ความพยายามรุกรานจากต่างชาติ

ดูบทความหลักที่: พย็องอินยังโย และ ชินมียังโย

พ.ศ. 2406 พระเจ้าโคจงขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุได้ 11 ชันษา องค์ชายแทวอนกุนพระบิดาสำเร็จราชการแทน ในพ.ศ. 2408 รัสเซียนำทัพเรือมาบุกเกาหลีทางตะวันออกเพื่อเรียกร้องสิทธิพิเศษทางการค้าเหมือนกับที่ชาติตะวันตกอื่น ๆ ได้ทำกับจีน บรรดามิชชันนารีชาวฝรั่งเศสในโชซ็อนจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะนำศาสนาคริสต์ได้รับการยอบรับจากทางราชการ จึงเสนอให้บิชอป แบร์โนซ์ เป็นตัวแทนเจรจากับฝรั่งเศสเพื่อขอความช่วยเหลือจากการรุกรานของรัสเซีย แทวอนกุนทรงยอมรับข้อเสนอ แต่เมื่อบิชอปแบร์โนซ์เดินทางถึงฮันยางกลับถูกจับและประหารชีวิต ตามมาด้วยการสังหารมิชชันนารีอีกหลายท่านและชาวคริสต์เกาหลีจำนวนมาก

มิชชันนารีที่รอดชีวิตก็ได้หลบหนีไปปักกิ่ง และเข้าพบปิแอร์-กุสตาฟ โรเซอ นายพลเรือฝรั่งเศส โรเชอจึงตัดสินใจบุกยึดโชซ็อนในทันที เพื่อกู้ศักดิ์ศรีของฝรั่งเศสและคริสต์ศาสนา ซึ่งโรเชอได้รับการสนับสนุนจากอองรี เดอ บัลโลเนต์ กงสุลฝรั่งเศสในปักกิ่ง โรเซอบุกยึดได้เกาะคังฮวา แต่กระแสน้ำแปรปรวนและแม่น้ำฮันตื้นเขินเกินกว่าจะล่องเรือไปได้ทำให้โรเซอไปไม่ถึงฮันยาง โรเซอพยายามจะขึ้นฝั่งอยู่หลายครั้งแต่ถูกชาวโชซ็อนต่อต้านอย่างรุนแรงจึงถอยกลับไปในที่สุด การบุกเกาหลีของฝรั่งเศสครั้งนี้เรียกว่า พยองอินยังโย (การรุกรานของชาวตะวันตกในปีพยองอิน)

ในปีพ.ศ. 2408 เช่นกัน บริษัทอังกฤษแห่งหนึ่งในจีน ต้องการที่จะทำสัญญาการค้ากับโชซ็อน จึงส่งเรือรบเจเนอรัล เชอร์แมน ของสหรัฐอเมริกาไปยังโชซ็อน แต่กลับถูกต่อต้านอย่างรุนแรงจากแทวอนกุนซึ่งส่งทัพมาโจมตีและเผาเรือเจเนอรัล เชอร์แมน ในพ.ศ. 2414 สหรัฐอเมริกาจึงส่งทัพมาโชซ็อน เพื่อเจรจาสันติภาพว่าสหรัฐอเมริกาจะขอสำรวจน่านน้ำของโชซ็อนและจะไม่ทำอันตราย แต่ด้วยการสื่อสารที่ไม่ได้ผลทำให้เมื่อทัพเรือสหรัฐอเมริกาเข้าสู่แม่น้ำฮัน ชาวโชซ็อนตกใจคิดว่าจะมาบุกยึดฮันยางจึงยิงปืนใส่ ทัพสหรัฐอเมริกาจึงบุกยึดเกาะคังฮวา และโจมตีเมืองต่าง ๆ ของโชซ็อน และได้จับชาวโชซ็อนเป็นเชลยไว้จำนวนมาก จึงคิดจะให้เป็นข้อแลกเปอี่ยนในการทำสัญญาทางการค้า แต่ทางราชการไม่สนใจชีวิตของตัวประกันและยังคงยืนยันจะปิดประเทศต่อไป เมื่อการเจรจาไม่ได้ผลทัพเรืออเมริกาจึงถอยทัพกลับ การบุกเกาหลีของสหรัฐอเมริกาครั้งนี้เรียกว่า ชินมียังโย (การรุกรานของชาวตะวันตกในปีชินมี)