ราชสกุลศุขสวัสดิ
ราชสกุลศุขสวัสดิ

ราชสกุลศุขสวัสดิ


ราชสกุลศุขสวัสดิ เป็นราชสกุลมหาสาขาหนึ่งใน มหามกุฎราชสันตติวงศ์ โดยมี พลโท พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศุขสวัสดี กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เป็นองค์ต้นราชสกุล ราชตระกูลนี้ยังมีความเกี่ยวเนื่องใกล้ชิดกับราชสกุล “เกษมศรี” ซึ่งเป็นอีกมหาสาขาหนึ่ง ที่มีองค์ต้นราชสกุล คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ ด้วยองค์ต้นราชสกุลทั้งสองประสูติแต่เจ้าจอมมารดาเดียวกันพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานนามสกุลอันเป็นมงคลนาม “ศุขสวัสดิ” ณ วันที่ ๒๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๕๘ พร้อมการเขียนเป็นตัวอักษรโรมันว่า “Sukhasvasti” ซึ่งคนโดยทั่วไปมักอ่านออกเสียงด้วยวิธีการอ่านตามสมัยนิยม ว่า “สุก-สะ-หวัด” แต่โดยที่คำว่า “ศุข” นั้น เป็นคำสันสกฤต ที่มีตัวสะกดอ่านออกเสียงเหมือนตัว ก ซึ่งหลักอักขรวิธีของไทย ได้กำหนดไว้ว่า เมื่อไปเข้าสมาสหน้าคำใด ๆ จะต้องอ่านเสียงตัวสะกดนั้นอย่างมีสระ อะ ในเสียงกึ่งมาตรา ประสมอยู่ด้วยเสมอ ดังนั้น จึงควรอ่านออกเสียงนามราชสกุลที่พระราชทานนี้ ว่า “สุก-ขะ-สะ-หวัด-ดิ” ซึ่งน่าจะถูกต้องตามหลักภาษาและสอดคล้องกับคำโรมันที่พระราชทานไว้ปัจจุบันสมาชิกในราชสกุลได้เขียนนามสกุลแตกต่างกันออกไป เป็น “ศุขสวัสดิ์” บ้าง หรือ “สุขสวัสดิ์” บ้าง แทนที่จะใช้ “ศุขสวัสดิ” ตามที่ได้รับพระราชทาน ทั้งนี้ คงเนื่องมาจากในสมัยหนึ่งได้มีการกำหนดให้ตัดตัวอักษรภาษาไทยออกไปหลายตัว รวมทั้ง “ศ” และ “ษ” โดยให้คงไว้แต่ตัว “ส” ทำให้นามราชสกุลต้องเปลี่ยนผิดเพี้ยนไป ทั้งการเติมทัณฑฆาตก็คงเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แม้ภายหลังเมื่อได้มีการกลับฟื้นฟูให้มีการใช้พยัญชนะและสระตามรูปแบบเดิมแล้ว แต่สมาชิกในราชสกุลบางท่านก็เปลี่ยน บางท่านก็ไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนแล้วแต่ก็ยังคงให้มีทัณฑฆาตไว้ ทำให้เกิดการเขียนชื่อราชสกุลแตกกันออกไปเป็นถึงสามแนว โดยสมาชิกในราชสกุลที่ยังคงใช้นามราชสกุลตามต้นคำที่ได้รับพระราชทานนั้นมีอยู่ไม่มาก จนกลายเป็นชนหมู่น้อยในกลุ่มใหญ่ที่เขียนแปลกแตกต่างจากหมู่พวกไปทั้งยังพบว่ามีผู้ที่มิได้เกี่ยวดองเป็นผู้สืบราชตระกูล ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานทะเบียนท้องที่ให้จดทะเบียนนามสกุลของตนว่า “สุขสวัสดิ์” โดยมีกระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ บางท่านก็เป็นผู้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดังนั้นหากจะบ่งชี้ว่า ผู้ใดเป็นผู้สืบราชตระกูลก็ต้องดูว่ามีการระบุฐานันดรหน้านามหรือมีสร้อยคำ “ณ อยุธยา” อันเป็นเครื่องหมายแสดงความเป็นราชตระกูลต่อท้ายนามสกุลอยู่หรือไม่