ละครโทรทัศน์เกาหลี หรือที่นิยมเรียกว่า
ซีรีส์เกาหลี[1] (
เกาหลี: 한국 드라마) คือละครโทรทัศน์ในรูปแบบทีผลิตเป็นภาษาเกาหลี มีหลายเรื่องของละครโทรทัศน์เกาหลีที่กลายเป็นที่นิยมไปทั่ว
เอเชียและเกิดเป็นปรากฏการณ์ของ
กระแสเกาหลีหรือที่เรียกว่า "
ฮัลลยู" (한류) นอกจากจะได้รับความนิยมไม่ใช่แค่ที่เกาหลีหรือเฉพาะเอเชียเท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมในส่วนอื่น ๆ ของโลกเช่น
ละตินอเมริกา,
ตะวันออกกลาง และที่อื่น ๆ ในความเข้าใจที่ตรงกัน ละครโทรทัศน์เกาหลีที่บทความนี้อ้างถึงหมายถึงเฉพาะละครโทรทัศน์เกาหลีที่ผลิตจากประเทศ
เกาหลีใต้เท่านั้นในประเทศไทย ละครโทรทัศน์เกาหลีได้รับความนิยมมาพร้อมกับกระแสเกาหลี โดยในบางสถานีโทรทัศน์ได้นำละครโทรทัศน์เกาหลีเข้ามาฉาย และได้รับความนิยมในบางส่วน โดยช่องแรกที่ได้ฉาย คือ
ช่อง 5 จากเรื่อง
Wish Upon a star (หรือ Star in My Heart; ลิขิตแห่งดวงดาว)
[2] ในปี ค.ศ. 2000 ต่อมาในปี ค.ศ. 2003
ไอทีวีได้ฉายละครโทรทัศน์เกาหลีมากถึง 14 เรื่อง
[3] จนกระทั่งในเดือนตุลาคม ปี ค.ศ. 2005
ช่อง 3 ได้ฉายเรื่อง
Jewel in the Palace (แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง) ละครโทรทัศน์เกาหลีในแนวย้อนยุค ในช่วงเวลาไพร์มไทม์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ปรากฏว่าได้รับความนิยมอย่างมากจนกลายเป็นปรากฏการณ์หนึ่งในสังคมไทย
[4] ส่งผลให้ละครโทรทัศน์เกาหลีได้รับความนิยมขึ้นมา ทำให้มีการนำเข้ามาฉายในเรื่องต่าง ๆ ในหลากหลายแนวทางสถานีโทรทัศน์ช่องต่าง ๆ มากขึ้น
[1] และทำให้นักแสดงเกาหลีหลายคนมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่นิยมขึ้นมา เช่น
อี ยองแอ[5],
อิม ยุนอา[6],
จาง กึนซอก[7],
ฮัน กาอิน [8],
จอน จีฮยอน[9],
ฮัม อึนจอง[10],
ซง จุงกิ[11] เป็นต้นเอกลักษณ์ของละครโทรทัศน์เกาหลีเมื่อเทียบกับ
ละครโทรทัศน์ไทยแล้ว ได้รับการยอมรับว่า มีการผลิตที่ใส่ใจในรายละเอียดมากกว่า ถึงแม้จะเป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาด และบทละครก็ไม่ดูหลุดเกินไปจากความเป็นจริงในชีวิต หรือตัวละครไม่แสดงออกทางอารมณ์จนเกินเลยความเป็นจริง อีกทั้งเนื้อเรื่องแม้ผูกได้หลายชั้นแต่ไม่ซับซ้อน
[12] แต่ข้อเสียก็คือ โครงเรื่องมักจะซ้ำกัน เช่น นางเอกมักเป็นผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ ป่วย ขี้โรค ทำให้น่าสงสาร และวนเวียนอยู่กับปัญหาในครอบครัว ซึ่งจุดนี้ทำให้ผู้ชมบางประเทศเกิดความเบื่อหน่าย
[13]จนกระทั่งในต้นปี ค.ศ. 2014 กระแสของละครโทรทัศน์เกาหลีในไทยเริ่มซบเซาลง พร้อม ๆ กับกระแสเกาหลีในวัฒนธรรมร่วมสมัยอย่างอื่นด้วย
[14] แต่ก็ยังมีการฉายอยู่ และได้รับความนิยมในบางเรื่อง
[15] เช่น
Descendants of the Sun (ชีวิตเพื่อชาติ รักนี้เพื่อเธอ) ในปี ค.ศ. 2016 ที่เกิดเป็นกระแสในหลายประเทศที่เข้าฉาย รวมถึงประเทศไทยด้วยที่เป็นรู้จักอย่างกว้างขวางเมื่อ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้เอ่ยถึงและแนะนำให้รับชมเพราะมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรักชาติ
[16] และต่อมาในกลางเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน มีการปิดตัวลงของเว็บไซต์บางเว็บที่เผยแพร่ละครโทรทัศน์เกาหลีในแบบออนไลน์ แต่ผิดกฎหมาย เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะ
เอสบีเอสและ
เอ็มบีซีเอาจริงเอาจังเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์มากขึ้น
[17]ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2015
สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเคของญี่ปุ่น ได้ประกาศยุติการออกอากาศละครโทรทัศน์เกาหลี โดยให้เหตุผลว่าระยะหลังละครโทรทัศน์เกาหลีไม่ได้รับความนิยมเหมือนก่อน โดยมีเรื่อง
Empress Ki (กีซึงนัง จอมนางสองแผ่นดิน) ออกอากาศเป็นเรื่องสุดท้าย
[18] แต่ความนิยมในจีนกลับไม่ลดลง และในช่วงกลางปี ค.ศ. 2014 กลับมีค่าลิขสิทธิ์ที่แพงขึ้น โดยเรื่อง
Fated to Love You ของสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ซึ่งถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปเผยแพร่แบบออนไลน์ในจีน มีมูลค่าถึง 120 ล้านวอน หรือราว 3,800,000 บาท ต่อตอน มากกว่าค่าลิขสิทธิ์เรื่อง
My Love from the Star (ยัยตัวร้ายกับนายต่างดาว) ที่มีมูลค่าถึง 1,200,000 บาท ต่อตอนเสียอีก
[19]