เรื่องย่อ ของ ลิขิตแห่งจันทร์

คืนพระจันทร์เต็มดวง ด้วยแรงอธิษฐานของ "ก้าน" (นริศสันต์ โลกวิทย์) ทหารชาวกรุงศรีอยุธยาผู้ภักดีต่อราชวงศ์ ได้ตั้งจิตต่อดวงจันทร์ขอให้มีคนดีมาช่วยส่งต่อสาส์นลับให้ถึงมือแม่ทัพใหญ่ กลายเป็น "ลิขิตแห่งจันทร์" ที่ดลบันดาลให้ก้านข้ามมิติมาพบกับ "โอปอล" (พิจักขณา วงศารัตนศิลป์) ผู้หมวดสาวมากฝีมือ และทำให้เธอต้องมีชะตากรรมข้ามภพไปปราบกบฏสมัยอยุธยาตอนปลาย ขณะเดียวกัน "ดวงแก้ว" (พิจักขณา วงศารัตนศิลป์) แม่หญิงชาววังที่หน้าละม้ายคล้ายโอปอลทุกประการ กลับต้องสลับภพมาใช้ชีวิตเป็นตำรวจกองปราบ ทลายแก๊งค้าวัตถุโบราณผิดกฎหมายในยุคปีพ.ศ. 2562 ทั้งคู่เดินทางข้ามมิติผ่านทางภาพวาดลึกลับที่ตกทอดมาจากสมัยโบราณในคืนพระจันทร์เต็มดวง

โอปอลได้ข้ามภพไปสมัยกรุงศรีอยุธยาพร้อมเป้พกพาอุปกรณ์ไฮเทคจากยุคปัจจุบัน เมื่อโอปอลได้พบกับ "หลวงโอสถวรเวช" ( คณิน ชอบประดิถ) หมอหลวงแห่งราชสำนัก ผู้สุขุมขี้อาย จึงได้แสดงเทคโนโลยีของโลกยุคใหม่จนหลวงโอสถยอมเชื่อว่าโอปอลมาจากอนาคต ทั้งเขายังตกหลุมรักสาวทะเล้นจากต่างยุคคนนี้อย่างหมดใจ แต่มิวายมี "โฉม" (ณัฐวรา วงศ์วาสนา) เพื่อนนางในของดวงแก้วคอยเป็นศัตรูหัวใจ และใส่ความหาเรื่องให้ดวงแก้วเสื่อมเสียชื่อเสียง

แม้โอปอลจะพยายามแสร้งปลอมเป็นดวงแก้วแต่ก็ไม่เนียน ด้วยความกระโดกกระเดกไม่เป็นกุลสตรี อีกทั้งโอปอลยังห้าวหาญถึงขั้นเปิดสำนักสอนหมัดมวยให้ชาวบ้าน โฉมจึงถือโอกาสท้าโอปอลประชันงานฝีมือการเรือนและทำเครื่องคาวหวาน เพื่อต้องการเอาชนะขึ้นเป็นคนโปรดของ "เสด็จฯ" (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) แทนดวงแก้ว โอปอลจึงต้องฝึกฝนการเป็นสาวชาววังเสียใหม่ ผลคือข้าวของในเรือนกระจาย ไฟแทบไหม้โรงครัว สร้างความฉงนปนหนักใจให้กับ "พระยาฤทธิ์ปรีชา" (ศุกล ศศิจุลกะ) และ "แม่ดวงเดือน" (นัฏฐา ลอยด์) ผู้เป็นท่านพ่อและท่านแม่ของดวงแก้วยิ่งนัก แม้แต่บ่าวคนสนิทอย่าง "อีพลับ" (อินทิรา ยืนยง) ก็ต้องมารับเคราะห์จากความซุกซนอยู่ไม่สุขของโอปอลอยู่เสมอ

ไม่ต่างจากดวงแก้วที่ต้องพยายามปรับตัวอย่างหนักให้เข้ากับยุค 4G เมื่อดูละครย้อนยุคผ่านทีวีก็พาลน้ำตาไหล อยากจะกลับยุคกรุงศรีฯเสียให้ได้ ยังดีที่มี "พิภพ" (ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์) ผู้หมวดหนุ่มคู่หูของโอปอลคอยช่วยปลอบใจ และฝึกสอนการเป็นตำรวจให้ใหม่ จนพิภพแอบหลงรักดวงแก้วที่อ่อนหวานคนนี้ไปเสียแล้ว แต่เขากลับปักใจเชื่อว่าเป็นโอปอลที่สมองกระทบกระเทือนจากรถล้มจนเพี้ยนไป

เช่นเดียวกับ "คิมหันต์" (เมธัส ตรีรัตนวารีสิน) นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของแกลลอรี่ แฟนเก่าของโอปอลก็กลับมาตามง้อจีบ ดวงแก้วที่กลายเป็นสาวหวาน จนพิภพแอบหึงหวงว้าวุ่นใจ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า "เบญญา" (ชาเคอลีน มึ้นซ์) ผู้หมวดสาวคู่แข่งตลอดกาลของโอปอลแอบหลงรักพิภพ และคอยจับผิดดวงแก้วที่เปลี่ยนเป็นคนละคน

โอปอลได้ช่วยหลวงโอสถวรเวชสืบสวนคดีวางยาและฆาตรกรรมขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จนรู้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มกบฏนำโดย "หลวงอรรถกร" (ฐกฤต ตวันพงค์) ขุนนางที่ใช้กำลังข่มเหงรีดไถชาวบ้าน ทรมานและวางยา "ยอด" (กัญจน์ ภักดีวิจิตร) เพื่อรักษาความลับบางอย่าง ทั้งยังพยายามชักชวนคนใกล้ตัวของหลวงโอสถ อย่างพระยาสีหนาท (วสุ แสงสิงแก้ว) ผู้เป็นพ่อ และ”ฉาย” (เกียรติกมล ล่าทา) ลูกมือบดยาคนสนิทของหลวงโอสถให้เข้าเป็นพวกด้วย โอปอลเจอวิกฤตถูกกลุ่มอรรถกรใส่ร้ายว่าเป็นกบฏเสียเอง เช่นเดียวกับดวงแก้วที่ต้องเสี่ยงชีวิตปลอมตัวเป็นนางแบบเข้าไปในแก๊งค้ามนุษย์เพื่อล่อจับผู้ร้าย ต่างฝ่ายต่างมีภารกิจที่ต้องทำแทนกันในต่างยุคให้สำเร็จลุล่วง

แต่เมื่อเหตุร้ายผ่านไป ดร.เฟื่อง (สมชาย ศักดิกุล) นักโบราณคดีได้ไขปริศนาของภาพวาดโบราณให้กลับมาเคลื่อนไหว ทำให้โอปอลและดวงแก้วสามารถเดินทางกลับภพของตนเองได้ เมื่อลิขิตแห่งจันทร์กำหนดไว้ให้ทั้งคู่กลับสู่ภพเดิมที่จากมา...หรือถึงเวลาที่ทั้งสองต้องบอกลาหลวงโอสถวรเวช และพิภพ ชายอันเป็นที่รักตลอดกาล....[2]