อนุอันดับวาฬบาลีน หรือ
วาฬกรองกิน หรือ
วาฬไม่มีฟัน (
อังกฤษ: Baleen whales, Toothless whales) เป็นกลุ่มของ
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ใน
ทะเล ใน
อันดับฐานวาฬและโลมา (Cetacea) อันได้แก่
วาฬ และ
โลมาใน
อันดับสัตว์กีบคู่ ซึ่งวาฬบาลีนถูกจัดอยู่ในอนุอันดับ Mysticeti (/มิส-ติ-เซ-เตส/)
[1]วาฬ ที่อยู่ในกลุ่มวาฬบาลีน มีลักษณะเด่น คือ เป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่ ในปากจะไม่มี
ฟันเป็นซี่ ๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับอื่น ๆ แต่จะมีมีฟันเหมือนขนแปรงสีฟันหรือซี่หวี่ขนาดใหญ่ ซึ่งห้อยลงมาจากขากรรไกรด้านบน ขนแปรงนี้จะเติบโตด้วยกันเป็นกลุ่มที่เรียกว่า "
บาลีน" ใช้สำหรับกรองอาหารจาก
น้ำทะเล จึงกินได้แต่เฉพาะสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ๆ เช่น
แพลงก์ตอนชนิดต่าง ๆ,
เคย และปลาขนาดเล็ก เช่น
ปลาแฮร์ริ่ง,
ปลากะตัก,
ปลาซาร์ดีน เป็นต้น
[2]ดังนั้นการกินอาหารของวาฬบาลีน จะใช้วิธีกลืนน้ำทะเลเข้าไปในปากเป็นจำนวนมาก แล้วจะหุบปากแล้วยกลิ้นขึ้นเป็นการบังคับให้น้ำออกมาจากปาก โดยผ่านบาลีน ที่ทำหน้าที่เหมือนหวี่กรองปล่อยให้น้ำออกไป แต่อาหารยังติดอยู่ในปากของวาฬ แล้ววาฬจะกลืนอาหารลงไป โดยวัน ๆ หนึ่งจะกินอาหารได้เป็นจำนวนมาก คิดเป็น
น้ำหนักเป็น
ตัน เช่น
วาฬสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นวาฬบาลีนชนิดหนึ่ง และเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย จะกินแพลงก์ตอนมากถึง 4,000 กิโลกรัม (8,800 ปอนด์) ต่อวัน (คิดเป็นน้ำหนักเท่ากับ
พิซซาจำนวน 12,000 ชิ้น)
[3]วาฬบาลีน เป็นวาฬที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง เมื่อเวลาหากินจะช่วยกันหาอาหาร โดยรวมตัวกันด้วยการทำให้ผิวน้ำเป็นฟองเพื่อไล่ต้อนอาหาร ซึ่งเป็นฝูงปลาเล็ก ๆ ให้สับสน อีกทั้งยังเป็นนักเดินทางในท้องทะเลและมหาสมุทร ส่วนใหญ่อพยพเป็นระยะทางไกล ๆ ทุกปี จากทะเลที่มีอุณหภูมิอบอุ่นซึ่งเป็นที่ ๆ ผสมพันธุ์และคลอดลูกไปยังทะเลที่เย็นกว่า ซึ่งเป็นที่ ๆ จะหาอาหาร โดย
วาฬสีเทานับเป็นวาฬที่อพยพเป็นระยะทางไกลที่สุด จาก
ประเทศเม็กซิโกถึง
อาร์กติกแถบ
ขั้วโลกเหนือ รวมระยะทางไปกลับประมาณ 20,000 กิโลเมตร (12, 500 ไมล์)
[4]วาฬบาลีน ในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 4 วงศ์ 15
ชนิด[1] แต่ก็มีหลายชนิดและหลาย
สกุลที่
สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ (ที่สูญพันธุ์แล้วจะใส่เครื่องหมาย † ไว้ข้างหน้า)แต่จากการศึกษาจาก
ซากดึกดำบรรพ์ พบว่าบรรพบุรุษของวาฬบาลีนเป็น
วาฬมีฟันที่มีชื่อว่า
Janjucetus มีอายุอยู่ในราว 25 ล้านปีก่อน และเชื่อว่าอาจจะเป็นสัตว์ดุร้ายและทรงพลังมากในการล่าเหยื่อและกินอาหารด้วย เนื่องจากลักษณะของฟันมีความแหลมคม ไม่เหมือนกับของ
แมวน้ำรวมถึงไม่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำพวกอื่นในยุคสมัยเดียวกัน แต่มีลักษณะคล้ายกับฟันของ
สิงโตในยุคปัจจุบันมากกว่า
[5]