เมนูนำทาง
ศาสนาเชน ศาสดาศาสนาเชนเชื่อว่ามีศาสดา เรียกว่า "ตีรถังกร" อยู่ด้วยกัน 24 องค์ในจักรวาลปัจจุบัน (อวสานปิณี) องค์แรกคือพระอาทินาถ และองค์สุดท้ายคือองค์ปัจจุบันคือพระมหาวีระ ตีรถังกรคือบุคคลผู้บรรลุเกวลญาณ (สัพพัญญูในศาสนาเชน - Omniscience) และเผยแผ่ธรรมะนั้น ในบรรดา 24 ตีรถังกร องค์ที่ได้รับการเคารพบูชาสูงสุดสี่องค์คือ พระอาทินาถ, พระเนมินาถ, พระปารศวนาถ, พระมหาวีระ
ตีรถังกรองค์ปัจจุบันและองค์สุดท้าย คือ พระมหาวีระ เดิมมีพระนามเดิมว่า "วรรธมาน" แปลว่า ผู้เจริญมีกำเนิดในสกุลกษัตริย์ เกิดในเมืองเมืองเวสาลี พระบิดานามว่า สิทธารถะแห่งกุนทครามะ พระมารดานามว่า ตฤศลา เมื่อเจริญวัยได้รับการศึกษาศิลปศาสตร์หลายอย่างโดยควรแก่ฐานะแห่งวรรณะกษัตริย์ เผอิญวันหนึ่งขณะเล่นอยู่กับสหาย ได้มีช้างตกมันตัวหนึ่งหลุดออกจากโรงวิ่งมาอาละวาด ทำให้ฝูงชนแตกตื่นตกใจ ไม่มีใครจะกล้าเข้าใกล้และจัดการช้างตกมันตัวนี้ให้สงบได้ แต่เจ้าชายวรรธมานได้ตรงเข้าไปหาช้างและจับช้างพากลับไปยังโรงช้างได้ตามเดิม เพราะเหตุที่แสดงความกล้าหาญจับช้างตกมันได้จึงมีนามเกียรติยศว่า "มหาวีระ" แปลว่า ผู้กล้าหาญมาก ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกขานกันต่อมาของศาสดาพระองค์นี้
ศาสดามหาวีระมีพี่น้องร่วมพระมารดาเดียวกัน 2 องค์ คือ พระเชษฐภคินี และพระเชษฐภาดา โดยท่านมหาวีระ เป็นพระโอรสองค์สุดท้ายเมื่อมีพระชนมายุได้ 12 พรรษา ทรงได้รับพิธียัชโญปวีตคือพิธีสวมด้ายมงคลแสดงพระองค์เป็นศาสนิกตามคติศาสนาพราหมณ์ หลังจากพระบิดาได้ทรงส่งเจ้าชายไปศึกษาลัทธิของพราหมณาจารย์หลายปี เจ้าชายทรงสนพระทัยในการศึกษาแต่ในพระทัยมีความขัดแย้งกับคำสอนของพราหมณ์ที่ว่า วรรณะพราหมณ์ประเสริฐที่สุดในโลก ส่วนวรรณะอื่นต่ำต้อย แม้วรรณะกษัตริย์ยังต่ำกว่าวรรณะพราหมณ์ แต่แล้วพวกพราหมณ์ได้ประพฤติกาย วาจาและใจ เลวทรามไปตามทิฏฐิของลัทธินั้น ๆ
เมื่อศาสดามหาวีระมีพระชนมายุได้ 19 พรรษา พระบิดาทรงจัดให้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงยโสธรา[lower-alpha 1] ในซึ่งเวลาต่อมาได้พระธิดาองค์หนึ่งนามว่า อโนชา หรือ เจ้าหญิงปริยทรรศนา จนพระชนมายุได้ 28 พรรษา ได้มีความเศร้าโศกเสียพระทัยอย่างมากจากการสิ้นพระชนม์ของพระบิดาและพระมารดา ด้วยวิธีการอดอาหารตามข้อวัตรปฏิบัตรในศาสนาพราหมณ์ ซึ่งศาสนาพราหมณ์ถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง
การสูญเสียพระบิดาและพระมารดาได้ทำให้เจ้าชายทรงเศร้าพระทัยมาก ทรงสละพระชายาและพระธิดา เปลี่ยนผ้าคลุมพระกายเป็นแบบนักพรต เสด็จออกจากพระนครและได้ทรงประกาศมหาปฏิญญาในวันนั้นว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป 12 ปี ขอไม่พูดกับใครแม้คำเดียว พระมหาวีระได้ทรงบำเพ็ญตนเป็นนักพรตถือการขอเป็นอาชีพ ได้เสด็จเที่ยวไปตามคามนิคมต่าง ๆ โดยมิได้พูดอะไรกับใครเป็นเวลา 12 ปี ได้บรรลุความรู้ขั้นสูงสุดเรียกว่า "เกวลญาณ" ถือเป็นผู้หลุดพ้นกิเลสทั้งปวง เป็นพระอรหันต์และเป็นผู้ชนะโดยสิ้นเชิง
เมื่อพระมหาวีระได้ทรงบรรลุเกวลญาณแล้ว จึงทรงพิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นต้องละปฏิญญานั้นเสียกลับมาสู่ภาวะเดิมคือต้องพูดกับคนทั้งหลาย เพื่อช่วยกันปฏิรูปความคิดและความประพฤติของคนในสังคมเสียใหม่ แล้วได้เริ่มเที่ยวประกาศศาสนาใหม่ อันมีชื่อว่า ศาสนาเชน หรือ ไชนะ แปลว่า ผู้ชนะ
ศาสดามหาวีระได้ทรงใช้เวลาในการสั่งสอนสาวกไปตามนิคมต่าง ๆ เป็นเวลา 30 ปี และได้ทรงเข้าสิทธศิลา (เปรียบได้กับนิพพานของศาสนาพุทธ) หรือมรณภาพ เมื่อมีพระชนมายุได้ 72 พรรษา ในประมาณก่อนปีพุทธศักราชที่ 29 ที่เมืองปาวา หรือสาธารณรัฐมัลละ และเมืองนี้ได้เป็นสถานที่แสวงบุญสำหรับศาสนิกเชนทุกคน
เมนูนำทาง
ศาสนาเชน ศาสดาใกล้เคียง
ศาสนาเชน ศาสนาเซน ศาสนาเชิงประสานทัศน์ ศาสนาเทนริเกียวแหล่งที่มา
WikiPedia: ศาสนาเชน http://www.jainworld.com/book/historyofjainism/ch9... //doi.org/10.1007%2Fbf00158160 //doi.org/10.1163%2F156852787x00047 //doi.org/10.1186%2F2196-8802-2-1 //doi.org/10.1353%2Fpew.2000.0009 //doi.org/10.2307%2F600151 //doi.org/10.2307%2F605310 //www.jstor.org/stable/1400182 //www.jstor.org/stable/600151 //www.jstor.org/stable/605310