Tsou Hong Da Bai Chongxi เฉิน เฉิง Li Zongren Yan Xishan He Yingqin1945–1949: เสียชีวิต ~1-3 ล้านคน
[6]สงครามกลางเมืองจีน (ค.ศ. 1927-1950) เป็นสงครามกลางเมือง สู้รบกันระหว่าง
พรรคก๊กมินตั๋ง พรรคปกครอง
สาธารณรัฐจีน ฝ่ายหนึ่ง กับ
พรรคคอมมิวนิสต์จีนอีกฝ่ายหนึ่ง
[7] เพื่อแย่งชิงการควบคุมประเทศจีน ซึ่งลงเอยด้วยการแตกออกเป็นสองประเทศ คือ สาธารณรัฐจีนบน
เกาะไต้หวัน กับ
สาธารณรัฐประชาชนจีนบนแผ่นดินใหญ่ สงครามเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 1927 ท่ามกลางการกรีฑาทัพขึ้นเหนือ (Northern Expedition)
[8] และสิ้นสุดลงเมื่อยุทธการสำคัญที่ดำเนินอยู่จบลงใน ค.ศ. 1949-1950 อย่างไรก็ดี มีการถกเถียงกันว่า สงครามได้หยุดลงอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง
[9] ความขัดแย้งยังดำเนินต่อในรูปของการขู่ใช้กำลังทหารและการกดดันทางการเมืองและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อสถานะทางการเมืองของไต้หวัน ความตึงเครียดที่ดำเนินต่อมานั้นถูกเรียกว่าเป็น ความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ สงครามกลางเมืองจีนเป็นสงครามใหญ่ที่สุดอันดับสามที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ รองจาก
สงครามโลกครั้งที่หนึ่งและ
สงครามโลกครั้งที่สองสงครามนี้เป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยกทาง
อุดมการณ์ระหว่างพรรคก๊กมินตั๋งชาตินิยมกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในจีนแผ่นดินใหญ่ปัจจุบัน สามปีสุดท้ายของสงคราม (ค.ศ. 1947-1949) เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ
สงครามปลดปล่อย หรืออีกชื่อหนึ่งว่า
สงครามปฏิวัติภายในที่สาม (第三次國内革命戰爭) ในไต้หวัน สงครามยังรู้จักกันในชื่อ
สงครามต่อต้านการก่อการกำเริบต่อคอมมิวนิสต์ (戡亂戰爭) ก่อน ค.ศ. 1991 หรือโดยทั่วไปคือ
สงครามกลางเมืองชาตินิยม-คอมมิวนิสต์ (國共內戰) สำหรับทั้งสองฝ่ายสงครามกลางเมืองดำเนินไปเป็นพัก ๆ กระทั่ง
สงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองนำพาให้ทั้งสองพรรคร่วมกันจัดตั้ง
แนวร่วมที่สอง การทัพของญี่ปุ่นพ่ายแพ้ใน ค.ศ. 1945 เป็นการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง และสงครามกลางเมืองเต็มขั้นของจีนดำเนินต่อมาใน ค.ศ. 1946 หลังจากสี่ปี ค.ศ. 1950 ได้มีการยุติความเป็นปรปักษ์ทางทหารสำคัญ โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ควบคุมจีนแผ่นดินใหญ่ (รวมทั้ง
ไห่หนาน ส่วนย่อยของ
มณฑลกวางตุ้งขณะนั้น กระทั่ง ค.ศ. 1988) และเขตอำนาจของสาธารณรัฐจีนซึ่งถูกจำกัดเฉพาะเกาะไต้หวัน
เผิงหู หมู่เกาะจินเหมิน หมู่เกาะหมาจู่และหมู่เกาะห่างไกลอีกมาก มีการสังเกตว่า
ขบวนการสัตยาบันหยานอัน (Yan'an Rectification Movement) ซึ่งก่อร่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นใหม่ การหยุดยิงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1946 ที่ทูตพิเศษของ
สหรัฐอเมริกา จอร์จ มาร์แชลล์ เรียกร้องนั้น ขัดขวางความพยายามของจีนในการเอาชนะคอมมิวนิสต์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจที่ทวีความเลวร้ายในพื้นที่ซึ่งฝ่ายชาตินิยมควบคุมอยู่ การที่กองทัพ
โซเวียตส่งมอบ
ปืนใหญ่ที่ยึดได้จากกองทัพคันโตให้แก่
กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (ตามคำอธิบายเพิ่มเติมใน
ข้อมติสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติที่ 505) และการให้ความช่วยเหลือแก่ฝ่ายชาตินิยมที่ขัดแย้งกันของอเมริกา ทั้งหมดล้วนเป็นปัจจัยสู่ความพินาศของสาธารณรัฐจีนบนจีนแผ่นดินใหญ่ในเวลาไม่ถึง 5 ปีจวบจนทุกวันนี้ เนื่องจากไม่มีการลงนามการสงบศึกหรือ
สนธิสัญญาสันติภาพ สาธารณรัฐประชาชนจีนจึงยังอ้างสิทธิ์เหนือไต้หวันเป็นอาณาเขตส่วนหนึ่งของตน และยังขู่ใช้กำลังทหารต่อไต้หวัน ฝ่ายสาธารณรัฐจีนเองก็มีการอ้างสิทธิ์เหนือจีนแผ่นดินใหญ่ และทั้งสองยังต่อสู้กันเหนือในการรับรองทางการทูต สงครามด้วยอาวุธได้เปลี่ยนไปเป็นสงครามน้ำลาย ทุกวันนี้ สงครามเกิดขึ้นในแนวรบการเมืองและเศรษฐกิจในรูปของความสัมพันธ์ข้ามช่องแคบ สาธารณรัฐประชาชนจีนขู่ว่าจะใช้กำลังทหารรุกรานหากประกาศเอกราชไต้หวันอย่างเป็นทางการ โดยเปลี่ยนชื่อและได้รับการรับรองจากนานาชาติเป็น
สาธารณรัฐไต้หวัน ทว่า รัฐทั้งสองที่แยกกันโดยพฤตินัยบนสองฟากของ
ช่องแคบไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกัน
[10]