สงครามปฏิวัติอเมริกา
สงครามปฏิวัติอเมริกา

สงครามปฏิวัติอเมริกา

สหรัฐ (หลังปี 1776)
เวอร์มอนต์ (หลังปี 1777)
ราชอาณาจักรฝรั่งเศส (หลังปี 1778)
สเปน (หลังปี 1779)
 เนเธอร์แลนด์[1]
ไมซอ[2]
อเมริกันพื้นเมือง[3]อเมริกันพื้นเมือง[4] อีเซก ฮอปคินส์
เคานต์รอช็องโบ
เคานต์เดอกราส 
เป็นต้น ทอมัส เกจ
เซอร์กาย คาร์ลทัน
เซอร์เฮนรี คลินตัน
ลอร์ดคอร์นอวลลิส 
จอห์น เบอร์กอยน์ 
ริชาร์ด ฮาว
วิลเฮล์ม คนึพเฮาเซิน
บารอนรีเดเซิล 

เป็นต้น40,000 (เฉลี่ย)[5]
กะลาสีกองทัพเรือภาคพื้นทวีป 5,000 คน (ณ จุดสูงสุดในปี 1779)[6]
ไม่มี ships of the line
เรืออื่น 53 ลำ (ปฏิบัติหน้าที่ช่วงใดช่วงหนึ่งในสงคราม)[6]พันธมิตร:
ฝรั่งเศส 36,000 นาย (ในทวีปอเมริกา)
ฝรั่งเศสและสเปน 63,000 นาย (ที่ยิบรอลตาร์)
ships of the line 146 ลำ (ปฏิบัติหน้าที่ในปี 1782)[7]กองทัพบก:
48,000 (เฉลี่ย, เฉพาะในทวีปอเมริกาเหนือ)[8]
7,500 (ที่ยิบรอลตาร์)
กองทัพเรือ:
ships of the line 94 ลำ (ปฏิบัติหน้าที่ในปี 1782)[7]
กะลาสี 171,000 นาย[9]กำลังลอยัลลิสต์:
19,000 (จำนวนทั้งหมดที่รับราชการ)[10]ทหารสนับสนุนเยอรมัน:
30,000 (จำนวนทั้งหมดที่รับราชการ)[11]พันธมิตรชนพื้นเมือง: 13,000[12]ฝรั่งเศส: เสียชีวิตในการยุทธ์ 10,000 นาย (75% ในทะเล)สเปน: เสียชีวิต 5,000 นายเนเธอร์แลนด์: เสียชีวิต 500 นาย[15]เยอรมัน: เสียชีวิตในการยุทธ์ 1,800 นาย
หนีทัพ 4,888 นาย
เสียชีวิตจากทุกสาเหตุ 7,774 นาย[5]สงครามปฏิวัติอเมริกา (อังกฤษ: American Revolutionary War; ค.ศ. 1775–1783) หรือเรียก สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกา (อังกฤษ: American War of Independence) หรือสงครามปฏิวัติในสหรัฐ เป็นการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างบริเตนใหญ่และสิบสามอาณานิคมอเมริกาเหนือซึ่งหลังสงครามเปิดฉากประกาศอิสรภาพเป็นสหรัฐอเมริกาสงครามนี้มีจุดกำเนิดจากการต่อต้านภาษีบางชนิดและพระราชบัญญัติซึ่งชาวอเมริกันจำนวนมากอ้างว่าไม่ชอบธรรมและมิชอบด้วยกฎหมาย การประท้วงของกลุ่มผู้รักชาติ (Patriot) ลุกลามเป็นการคว่ำบาตร และในวันที่ 16 ธันวาคม 1773 พวกเขาทำลายการส่งสินค้าชาในท่าบอสตัน รัฐบาลบริเตนตอบโต้โดยปิดท่าบอสตัน แล้วผ่านมาตรการโดยมุ่งลงโทษอาณานิคมที่เป็นกบฏ แพทริอัตสนองโดยซัฟฟอล์กรีซอฟส์ (Suffolk Resolves) คือ การสถาปนารัฐบาลเงาซึ่งกำจัดการควบคุมมณฑลจากคราวน์นอกบอสตัน สิบสองอาณานิคมตั้งสภาภาคพื้นทวีปเพื่อประสานงานการต่อต้าน และสถาปนาคณะกรรมการและการประชุมใหญ่ซึ่งยึดอำนาจชะงัดความพยายามยึดยุทโธปกรณ์อเมริกันของบริเตนในเดือนเมษายน 1775 นำสู่การยุทธ์อย่างเปิดเผยระหว่างกำลังคราวน์และทหารอาสาสมัครแพทริอัต ทหารอาสาสมัครเดินหน้าล้อมกำลังบริติชในบอสตัน บังคับให้ต้องอพยพนครในเดือนมีนาคม 1776 สภาภาคพื้นทวีปตั้งจอร์จ วอชิงตันให้บังคับบัญชาทหารอาสาสมัคร ต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพภาคพื้นทวีปที่เพิ่งตั้ง ตลอดจนประสานงานหน่วยทหารอาสาสมัครของรัฐ ในเวลาเดียวกับการทัพบอสตัน ความพยายามบุกครองควิเบกของอเมริกาและปลุกการกบฏต่อพระมหากษัตริย์บริติชล้มเหลวโดยสิ้นเชิง วันที่ 2 กรกฎาคม 1774 สภาลงมติสนับสนุนเอกราชอย่างเป็นทางการ โดยออกคำประกาศในวันที่ 4 กรกฎาคมเซอร์วิลเลียม ฮาว (William Howe) เริ่มการตีโต้ตอบซึ่งมุ่งยึดนครนิวยอร์กคืน ฮาวชนะวอชิงตันด้วยอุบาย ทำให้ความมั่นใจของฝ่ายอเมริกาแตะจุดต่ำสุด วอชิงตันสามารถยึดกองทัพเฮชชัน (Hessian) ได้ที่เทรนตัน และขับบริเตนออกจากนิวเจอร์ซีย์ ฟื้นความมั่นใจของฝ่ายอเมริกา ในปี 1777 บริเตนส่งกองทัพใหม่โดยมีจอห์น เบอร์กอยน์ (John Burgoyne) เป็นผู้บังคับบัญชาให้ยกลงใต้จากแคนาดาและแยกอาณานิคมนิวอิงแลนด์ ทว่า ฮาวไม่สนับสนุนเบอร์กอยน์ แต่นำกองทัพของเขาในอีกการทัพหนึ่งต่อกรุงฟิลาเดลเฟีย เมืองหลวงฝ่ายปฏิวัติ เบอร์กอยน์หมดกำลังบำรุง ถูกล้อมและยอมจำนนในเดือนตุลาคม 1777ความปราชัยของบริเตนที่ซาราโทกา (Saratoga) มีผลใหญ่หลวง ฝรั่งเศสและสเปนได้จัดหาอาวุธ เครื่องกระสุนและกำลังบำรุงอื่นให้ชาวอาณานิคมอย่างลับ ๆ ตั้งแต่เดือนเมษายน 1776 บัดนี้ฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามอย่างเป็นทางการในปี 1778 โดยลงนามพันธมิตรทางทหารซึ่งรับรองเอกราชของสหรัฐ บริเตนตัดสินใจยอมเสียอาณานิคมทางเหนือ และกู้อดีตอาณานิคมทางใต้ กำลังบริเตนโดยมีชาลส์ คอร์นวอลลิส (Charles Cornwallis) เป็นผู้บังคับบัญชายึดจอร์เจียและเซาท์แคโรไลนา ยึดกองทัพอเมริกาได้ที่ชาลส์ตัน เซาท์แคโรไลนา ยุทธศาสตร์นี้อาศัยการก่อการกำเริบของลอยัลลิสต์ (Loyalist) ติดอาวุธจำนวนมาก แต่มีผู้มาเข้าร่วมน้อยเกินไป ในปี 1779 สเปนเข้าร่วมสงครามเป็นพันธมิตรกับฝรั่งเศสภายใต้สนธิสัญญาตระกูล (Pacte de Famille) โดยเจตนายึดยิบรอลตาร์และอาณานิคมบริติชในแคริบเบียน บริเตนประกาศสงครามต่อสาธารณรัฐดัตช์ในปี 1780ในปี 1781 หลังปราชัยอย่างเด็ดขาดสองครั้งที่คิงส์เมาน์เทนและคาวเพนส์ คอร์นวอลลิสถอยไปเวอร์จิเนียโดยตั้งใจอพยพ ชัยทางเรืออย่างเด็ดขาดของฝรั่งเศสในเดือนกันยายนตัดทางหนีของบริเตน กองทัพร่วมฝรั่งเศส-อเมริกาโดยมีเคาต์รอช็องโบ (Count Rochambeau) และวอชิงตันเป็นผู้นำล้อมกองทัพบริติชที่ยอร์กทาวน์ เมื่อเห็นว่าไม่มีการช่วยเหลือและสถานการณ์ป้องกันไม่อยู่ คอร์นวอลลิสยอมจำนนในเดือนตุลาคม และทหารถูกจับเป็นเชลยประมาณ 8,000 คนวิกในบริเตนคัดค้านฝ่ายข้างมากทอรีนิยมสงครามในรัฐสภาอย่างยาวนาน ทว่า ความปราชัยที่ยอร์กทาวน์ทำให้วิกเป็นฝ่ายเหนือกว่า ต้นปี 1782 พวกเขาลงมติยุติปฏิบัติการบุกทั้งหมดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่สงครามกับฝรั่งเศสและสเปนยังดำเนินต่อ โดยบริเตนชนะทั้งสองประเทศระหว่างการล้อมใหญ่ยิบรอลตาร์ นอกเหนือจากนี้ พวกเขาชนะฝรั่งเศสทางเรือหลายครั้งทโดยที่เด็ดขาดที่สุด คือ ยุทธนาวีที่ซานต์ (Battle of the Saintes) ในแคริบเบียนปีเดียวกัน วันที่ 3 กันยายน 1783 คู่สงครามลงนามสนธิสัญญากรุงปารีสซึ่งยุติสงคราม บริเตนตกลงรับรองเอกราชของสหรัฐเหนือดินแดนโดยมีขอบเขตคร่าว ๆ อยู่ที่แคนาดาทางเหนือ ฟลอริดาทางใต้และแม่น้ำมิสซิสซิปปีทางตะวันตก แม้การเข้ามีส่วนเกี่ยวข้องของฝรั่งเศสมีผลชี้ขาดต่อสาเหตุของเอกราชอเมริกา แต่ได้ดินแดนเพียงเล็กน้อย และมีปัญหาหนี้สินมหาศาล สเปนได้อาณานิคมฟลอริดาของบริเตนและเกาะมินอร์กา แต่ไม่สามารถชิงยิบรอลตาร์คืนซึ่งเป็นเป้าหมายหลัก ฝ่ายดัตช์มีแต่เสีย โดยถูกบังคับให้ยกดินแดนบางส่วนให้บริติช

สงครามปฏิวัติอเมริกา

วันที่สถานที่ผลลัพธ์ดินแดนเปลื่ยน
วันที่19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783
(8 ปี 4 เดือน 15 วัน)
สัตยาบันมีผล: 12 พฤษภาคม 1784
สถานที่ทวีปอเมริกาเหนือตะวันออก, ทะเลแคริบเบียน อนุทวีปอินเดีย อเมริกากลาง ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย
ผลลัพธ์สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)
  • บริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐอเมริกา
  • การสิ้นสุดของจักรวรรดิบริติชที่หนึ่ง
  • สมาพันธ์อิระควอยแตก
ดินแดน
เปลื่ยน
  • บริเตนใหญ่ยกพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และทางใต้ของเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ให้สหรัฐ
  • สถานที่ ทวีปอเมริกาเหนือตะวันออก, ทะเลแคริบเบียน อนุทวีปอินเดีย อเมริกากลาง ทวีปยุโรป ทวีปแอฟริกา มหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย
    ผลลัพธ์ สนธิสัญญาสันติภาพกรุงปารีส (ค.ศ. 1783)
    • บริเตนใหญ่รับรองเอกราชของสหรัฐอเมริกา
    • การสิ้นสุดของจักรวรรดิบริติชที่หนึ่ง
    • สมาพันธ์อิระควอยแตก
    วันที่ 19 เมษายน 1775 – 3 กันยายน 1783
    (8 ปี 4 เดือน 15 วัน)
    สัตยาบันมีผล: 12 พฤษภาคม 1784
    ดินแดนเปลื่ยน
  • บริเตนใหญ่ยกพื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำมิสซิสซิปปี และทางใต้ของเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอเรนซ์ให้สหรัฐ
  • ใกล้เคียง

    สงครามโลกครั้งที่สอง สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง สงครามเวียดนาม สงครามกลางเมืองอเมริกา สงครามอ่าว สงครามเกาหลี สงครามเย็น สงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สอง สงครามแปซิฟิก สงครามครูเสด