บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
จักรวรรดิบริติช ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น สหรัฐสนธิสัญญาแวร์ซาย (
อังกฤษ: Treaty of Versailles) เป็น
สนธิสัญญาสันติภาพที่จัดทำขึ้นเมื่อวันที่
28 มิถุนายน ค.ศ. 1919 ณ
พระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการยุติสถานะสงครามระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรและ
จักรวรรดิเยอรมัน ซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ใน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ส่วนกลุ่มประเทศ
ฝ่ายมหาอำนาจกลางอื่น ๆ ได้มีการตกลงยกเลิกสถานภาพสงครามด้วยสนธิสัญญาฉบับอื่น แม้จะได้มีการลงนาม
สงบศึกตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 แล้วก็ตาม
การประชุมสันติภาพที่กรุงปารีสกินเวลานานกว่าหกเดือน จึงได้มีการสรุปสนธิสัญญาฯผลจากสนธิสัญญาฯ ได้กำหนดให้จักรวรรดิเยอรมันต้องยินยอมรับผิดในฐานะผู้ก่อสงครามแต่เพียงผู้เดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ข้อตกลง
ข้อ 231 (ในภายหลังรู้จักกันว่า "อนุประโยคความรับผิดในอาชญากรรมสงคราม") และในข้อ 232-248 เยอรมนีถูกปลดอาวุธ ถูกจำกัดอาณาเขตดินแดน รวมไปถึงต้อง
ชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามให้แก่กลุ่มประเทศ
ฝ่ายไตรภาคีเป็นจำนวนมหาศาล เมื่อปี ค.ศ. 1921 ได้ประเมินว่ามูลค่าของค่าปฏิกรรมสงครามที่เยอรมนีจะต้องจ่ายนั้นสูงถึง 132,000 ล้านมาร์ก (ราว 31,400 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ หรือ 6,600 ล้านปอนด์)
[1] อันเป็นจำนวนที่มากเกินกว่าจะยอมรับได้และไม่สร้างสรรค์ และเยอรมนีอาจต้องใช้เวลาชำระหนี้จนถึง ค.ศ. 1988
[2][1] การชำระค่าปฏิกรรมสงครามนัดสุดท้ายมีขึ้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2010
[3] วันครบรอบยี่สิบปี
การรวมประเทศเยอรมนี และเก้าสิบสองปีพอดีหลังสงครามยุติ
[4]สนธิสัญญาดังกล่าวได้ถูกบ่อนทำลายด้วยเหตุการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นภายหลังปี
ค.ศ. 1932 จนกระทั่งร้ายแรงขึ้นเมื่อคริสต์ทศวรรษ 1930
[5] การแก่งแย่งและเป้าหมายที่ขัดแย้งกันเองของฝ่ายสัมพันธมิตรผู้ชนะสงครามทำให้ไม่มีฝ่ายใดพอใจผลการประนีประนอมที่ได้มาเลย การที่ฝ่ายสัมพันธมิตรไม่รื้อฟื้นความสัมพันธ์หรือทำให้เยอรมนีอ่อนแออย่างถาวร ทำให้สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นปัจจัยหลักซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งในภายหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สงครามโลกครั้งที่สอง[6]