b.
^ มีการเลิกใช้ภาษาเขียนของนอร์เวย์ (
บูกมอล) ตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยเปลี่ยนไปใช้ภาษาเดนมาร์กแทน ซึ่งภาษาเขียนของเดนมาร์กนี้ยังคงถูกใช้ต่อไป แม้กระทั่งในช่วงการรวมเป็นสหภาพกับสวีเดน แต่ถูกดัดแปลงเล็กน้อยในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 19 ต่อมาในปี ค.ศ. 1885 สภาสตอร์ทติงยอมรับภาษานือนอสก์ (ภาษานอร์เวย์ใหม่) เป็นภาษาราชการเทียบเท่ากับภาษาเดนมาร์ก
c.
^ ค.ศ. 1820: 2,585,000 คนในสวีเดน และ 970,000 คนในนอร์เวย์
[1]ค.ศ. 1905: 5,260,000 คนในสวีเดน และ 2,300,000 คนในนอร์เวย์
[2]d.
^ แต่เดิมสภาริกสดากของสวีเดนคือรัฐสภาที่ประกอบไปด้วยสี่ฐานันดร จนกระทั่ง ค.ศ. 1866 มีการเปลี่ยนแปลงไปใช้
ระบบสองสภา ส่วนสภาสตอร์ทติงของนอร์เวย์ใช้ระบบสภาเดี่ยวมาแต่เดิม ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในสภาทำหน้าที่เลือกบุคคลมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
สหราชอาณาจักรสวีเดนและนอร์เวย์ หรือ
สหภาพสวีเดน–นอร์เวย์ หรือ
สวีเดน–นอร์เวย์ (
สวีเดน: Svensk-norska unionen;
นอร์เวย์: Den svensk-norske union) คือ
รัฐร่วมประมุขระหว่าง
สวีเดนและ
นอร์เวย์ภายใต้การปกครองของ
ราชวงศ์เบอร์นาดอตต์ ระหว่างปี ค.ศ. 1814 ถึง ค.ศ. 1905
[3] ก่อนที่สวีเดนจะยอมรับการออกจากสหภาพของนอร์เวย์
[4] รัฐทั้งสองมีรัฐธรรมนูญและอธิปไตยทั้งสามเป็นของตนเองซึ่งรวมถึงกองทัพ ศาสนจักร และการคลัง ส่วนพระมหากษัตริย์ประทับในกรุง
สต็อกโฮล์ม ทรงมีอำนาจในการแต่งตั้งเอกอัคราชทูตประจำประเทศในต่างแดน ในส่วนของนอร์เวย์มี
ผู้สำเร็จราชการแทนทำหน้าที่บริหาราชการ ในสวีเดนจนถึง ค.ศ. 1829 และในนอร์เวย์จนถึง ค.ศ. 1856 โดยยกเลิกตำแหน่งรักษาการเมื่อปี ค.ศ. 1873 นโยบายต่างประเทศเป็นหน้าที่ของ
กระทรวงการต่างประเทศจนถึง ค.ศ. 1905 ภายหลัง
การล่มสลายของสหราชอาณาจักรนอร์เวย์มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ
เดนมาร์ก, แต่
เดนมาร์ก-นอร์เวย์เป็นพันธมิตรร่วมกับ
จักรวรรดินโปเลียน โดยมีสาเหตุจากการที่
สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์และ
จักรวรรดิรัสเซียเข้าร่วมสงครามหลังจากที่สวีเดนเข้าครอบครอง
ฟินแลนด์ ค.ศ. 1809 ในปี ค.ศ. 1814
นอร์เวย์ขอแยกตัวออกจากเดนมาร์กภายใต้
สนธิสัญญาคีล ส่งผลให้นอร์เวย์เป็นอิสรภาพ โดยมีการเรียกประชุมสภาร่างรัฐธรรมนูญที่
อิดโวลส์ภายหลังจากการประกาศใช้
รัฐธรรมนูญแห่งนอรเวย์ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ค.ศ. 1814,
พระเจ้าคริสเตียนที่ 8 (เจ้าชายคริสเตียน เฟรเดอริค) ทรงได้รับเลือกตั้งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งนอร์เวย์ ระหว่าง
สงครามสวีเดน-นอร์เวย์ (ค.ศ. 1814) และ
การประชุมใหญ่แห่งมอสส์ เจ้าชายคริสเตียน เฟรเดอริคทรงสละราชสมบัติภายหลังการเรียกประชุมรัฐสภา,
Storting, โดยให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญใหม่ และ การเข้าเป็นสหภาพร่วมกับสวีเดน.
พระเจ้าคาร์ลที่ 13 ทรงลง
พระปรมาภิทัยร่างรัฐธรรมนูญของสหภาพเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน. วันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1905 รัฐสภาประกาศว่ากษัตริย์แห่งสวีเดนไม่ได้เป็นกษัตริย์ของนอร์เวย์อีกต่อไป ทำให้
การล่มสลายของสหราชอาณาจักรมีผลนับแต่นั้น ปฏิกิริยาตอบกลับในสวีเดนรุนแรงและสงครามระหว่างนอร์เวย์และสวีเดนใกล้จะเริ่มขึ้น เนื่องมากจากการลงประชามติทั้งสองครั้งเกิดขึ้นในปีเดียวกัน จึงเป็นตัวกำหนดให้สหภาพกับสวีเดนล่มสลายและชาติใหม่ของนอร์เวย์เป็นการปกครองโดยมีกษัตริย์เป็นประมุข มีผลในวันที่ 26 ตุลาคม ภายหลังจากการรับรองผล
การออกเสียงประชามติให้ฟื้นฟูสถาบันกษัตริย์ขึ้นอีกครั้ง เจ้าชายคาร์ลแห่งเดนมาร์กทรงได้รับเลือกตั้งเป็นสมเด็จพระราชาธิบดีองค์ใหม่ และ ทำพิธีบรมราชาภิเษกในวันที่ 18 พฤศจิกายน ทรงมีพระนามว่า
สมเด็จพระราชาธิบดีโฮกุนที่ 7