ประวัติ ของ สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์

สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ชื่อเดิมคือ "กรมพระคลังข้างที่" มีฐานะเป็นกรมอิสระ ในสังกัดกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ [5] ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2433

ทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ กล่าวโดยสรุปคือ พระราชทรัพย์ของราชวงศ์จักรีที่แยกต่างหากจากทรัพย์สินของราชการ เช่น เงินสะสมจากการแต่งสำเภาค้าขายต่างประเทศในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือที่เรียกว่า เงินถุงแดง ซึ่งตกทอดถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และนำไปใช้จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามแก่ประเทศฝรั่งเศส หลังวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 หรือบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด ซึ่งก่อตั้งโดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

ต่อมา หลังการปฏิวัติสยาม พ.ศ. 2475 กรมพระคลังข้างที่ถูกลดบทบาทมาเป็น "สำนักงานพระคลังข้างที่" อยู่ภายใต้การดูแลของนายกรัฐมนตรีโดยตรง ต่อมามีการแยกบัญชี "ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์" ออกจาก "ทรัพย์สินส่วนพระองค์" และมีการตั้งสำนักงานทรัพย์สินฯ ขึ้นมาดูแลทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มีสถานะเป็นกรม สังกัดกระทรวงการคลัง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานที่ปรึกษา[6]

มีการออกกฎหมายกำหนดให้มีผู้รับผิดชอบ บริหารจัดการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์โดยเฉพาะ คือพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ พุทธศักราช 2479 มีการแก้ไขใน ปี พ.ศ. 2484 และ ปี พ.ศ. 2491 การแก้ไขในปี พ.ศ. 2491 ส่งผลให้ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย เป็นประธานคณะกรรมการทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คนแรก ตามกฎหมายดังกล่าว โดยมีผลในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินฝ่ายพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2491 มาตรา 4 ทวิ ให้สร้างสำนักงานขึ้นสำนักงานหนึ่งเรียกว่า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ดังนั้นวันก่อตั้งสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์คือวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2491 หากยึดตามกฎหมายดังกล่าว[1]

ต่อมาในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๗๑/๒๕๖๑ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561 คณะรัฐมนตรีได้เสนอ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ... ซึ่งเป็นการยกเลิกกฎหมายฉบับเดิมเข้ามาเป็นเรื่องด่วนซึ่งไม่ปรากฏในวาระการประชุมต่อที่ประชุมสภาโดยสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานคือให้มีการเปลี่ยนชื่อสำนักงานจาก สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เป็น สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา ๗ ซึ่งที่ประชุมมีมติในวาระที่ ๑ ชั้นรับหลักการด้วยคะแนน เห็นด้วย ๑๙๔ เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง ๓ เสียง จากนั้นที่ประชุมได้ประชุมกรรมาธิการเต็มสภาตามข้อเสนอของนาย สมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเลขานุการ วิป สนช. ซึ่งที่ประชุมมีมติในวาระที่ ๒ และ ๓ ด้วยคะแนน เห็นด้วย ๑๙๙ เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง ๓ เสียง ให้ประกาศใช้ ร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ... เป็นกฎหมายซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติจะได้ส่งร่างกฎหมายฉบับนี้กลับไปยังคณะรัฐมนตรีเพื่อให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธยและลงประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ต่อไป

กระทั่งวันเสาร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งทรงให้ไว้เมื่อวันศุกร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561[2]

สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ย้ายที่ทำการมาแล้วสี่ครั้ง ครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2489 มาอยู่ที่วังลดาวัลย์ เลขที่ 173 ถนนนครราชสีมา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

ใกล้เคียง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ไทย) สำนักพระราชวัง สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม สำนักข่าวไทย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานสอบสวนกลาง สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ สำนักนายกรัฐมนตรี (ประเทศไทย) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

แหล่งที่มา

WikiPedia: สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ http://www.apexcela.com/index.php/about-us3/organi... http://www.bbc.com/thai/thailand-40654502 http://maps.google.com/maps?ll=13.767606,100.50715... http://www.kempinski.com/en/hotels/information/his... http://law.longdo.com/law/297/rev479 http://law.longdo.com/law/297/rev479# http://www.multimap.com/map/browse.cgi?lat=13.7676... http://prachatai.com/journal/2011/06/35539 http://www.siambioscience.com/index.php/our-scient... http://www.terraserver.com/imagery/image_gx.asp?cp...