ประวัติสโมสร ของ สโมสรฟุตบอลชลบุรี

ยุคเริ่มต้น

สโมสรชลบุรี สันนิบาต สมุทรปราการ ดิวิชั่น 1 2540

สโมสรฟุตบอลจังหวัดชลบุรี แต่เดิมเป็นทีมฟุตบอลเยาวชนของ โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา โดยมี อรรณพ สิงห์โตทอง, ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ, สนธยา คุณปลื้ม และ วิทยา คุณปลื้ม เป็นผู้ดูแล โดยได้ส่งทีมฟุตบอลของโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งขันในระดับเยาวชน และได้รับรางวัลชนะเลิศในหลายการแข่งขัน อาทิ การแข่งขันฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษา เป็นต้น[2] ต่อมาทางทีมฟุตบอลของโรงเรียนจึงสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ในนามของ ทีมฟุตบอลโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา

ต่อมาเมื่อ สมาคมสันนิบาตสงเคราะห์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศการแข่งขัน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. ประจำปี 2539 ทางกลุ่มผู้ดูแลทีมฟุตบอลฯ ได้มีการเจรจาขอรวมทีม จึงได้ก่อตั้งเป็น สโมสรฟุตบอลชลบุรี–สันนิบาตฯ สมุทรปราการ และได้เข้าแข่งขันใน ดิวิชัน 1[3]

ยุคโปรลีก

ต่อมาเมื่อทาง สมาคมกีฬาจังหวัดชลบุรี ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน โปรวินเชียลลีก ในปี 2543 จึงได้ออกมาก่อตั้ง ทีมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี โดยได้แยก สโมสรฟุตบอลชลบุรี-สันนิบาตฯ สมุทรปราการ ซึ่งในขณะนั้นลงเล่นในดิวิชั่น 1 ออกจากกัน โดยผู้เล่นของทีมส่วนใหญ่ ได้นำผู้เล่นจาก โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา และ โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย ชลบุรี โดยใน ฤดูกาลแรกที่เข้าร่วมแข่งขัน (โปรลีก 2543/44) สโมสรจบอันดับที่ 3 ของตาราง

เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก

ต่อมา ในฤดูกาล 2548 ทางฝ่ายจัดการแข่งขันได้มีการกำหนดให้ ทีมจังหวัดที่ชนะเลิศการแข่งขัน รองชนะเลิศ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปเล่นใน ไทยลีก และในปีนั้นเอง สโมสรประสบความสำเร็จ โดยได้ตำแหน่งชนะเลิศการแข่งขัน และ ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นไปทำการแข่งขันใน ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลถัดมา และในปีเดียวกันนั้นเอง ทางสโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนสคัพ ในนามของ สโมสรราชประชา และ เข้าร่วมการแข่งขัน สิงคโปร์คัพ อีกด้วย

ยุคไทยลีก

ใน ฤดูกาล 2550 สโมสรฯ ภายใต้การนำของ จเด็จ มีลาภ หัวหน้าผู้ฝึกสอนในขณะนั้น สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรและวงการฟุตบอลไทย โดยสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ไทยลีก ได้เป็นสมัยแรก และถือว่าเป็นสโมสรฟุตบอลจังหวัด สโมสรแรกของประเทศไทยที่ทำได้ พร้อมกับได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก

ฤดูกาล 2551

สโมสร ได้เริ่มต้นฤดูกาล โดยลงทำการแข่งขัน ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ประจำปี 2550 โดยได้ตำแหน่งชนะเลิศอีกด้วยในปีนั้น โดยเอาชนะ สโมสรธนาคารกรุงไทย ไปได้ 1-0 จากการทำประตูของ จูเลียส บาก้า

ต่อมาก่อนที่ ไทยลีก 2551 จะเริ่มการแข่งขัน ในเดือนเมษายน สโมสร ก็ได้เตรียมการที่จะจดทะเบียนสโมสรให้อยู่ในรูปแบบ บริษัทนิติบุคคล โดยใช้ชื่อ บริษัท สโมสรฟุตบอลชลบุรี จำกัด พร้อมกับจดลิขสิทธิ์ฉายาและตราสัญลักษณ์ของสโมสรด้วย ซึ่งทางบริษัท จะเข้ามาจัดการบริหารสโมสรอย่างเต็มตัว เพื่อความสะดวกในการวางงบประมาณทำทีมและแผนงานต่างๆ[4]

ส่วนผลงานในลีก ในฤดูกาลนั้น สโมสร ไม่สามารถป้องกันตำแหน่งชนะเลิศไว้ได้ โดยได้แค่รองชนะเลิศ โดยสโมสรชนะเลิศในฤดูกาลนั้น คือ สโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แต่ก็ยังได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี คัพ ซึ่งเป็นถ้วยรองในระดับทวีปเอเชียแทน

เข้าร่วมแข่งขันในระดับทวีปครั้งแรก

สโมสรได้เข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งแรก โดยจับฉลากแบ่งสาย อยู่ในสาย G ร่วมกับ เมลเบิร์น วิกตอรี (ออสเตรเลีย) กัมบะ โอซะกะ (ญี่ปุ่น) และ ชุนนัม ดรากอนส์ (เกาหลีใต้) โดยสโมสรได้เลือก สนามศุภชลาศัย เป็นสนามเหย้าแทน เนื่องเพราะ สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี ไม่ผ่านมาตรฐานของ สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ด้านผลงานของสโมสรในการแข่งขัน สโมสรทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในช่วงสองเกมแรก สามารถบุกไปเสมอ กัมบะ โอซะกะ ได้ถึงญี่ปุ่น และ กลับมาชนะ เมลเบิร์น วิกตอรี ได้ที่สนามศุภชลาศัย 3 ประตูต่อ 1

แต่ทว่า ใน 4 เกมที่เหลือ สโมสรทำผลงานได้ไม่นัก โดยเก็บได้แค่คะแนนเดียว ในเกมที่เสมอกับ ชุนนัม ดรากอนส์ ทำให้สโมสร ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มในปีนั้นด้วยอันดับสุดท้าย แต่ก็เป็นเกียรติประวัติให้กับสโมสร ได้เป็นที่รู้จักในระดับเอเซียมากขึ้น

ฤดูกาล 2552

ปี 2552 สโมสรได้มีการเปลี่ยนแปลง หัวหน้าผู้ฝึกสอน โดยได้แต่งตั้ง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง จาก สโมสรจุฬาฯ-สินธนา มาแทน จเด็จ มีลาภ ที่ย้ายไปเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน สโมสรพัทยา ยูไนเต็ด โดยเริ่มต้นในปีนี้ ด้วยการได้ตำแหน่งชนะเลิศ ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก. ประจำปี 2551 ได้อีกครั้ง และเริ่มต้นการบริหารในรูปแบบนิติบุคคลขึ้น แต่ผลงานในลีก ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยทำได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศอีกครั้งหนึ่ง โดยสโมสรชนะเลิศในฤดูกาลนั้น คือ สโมสรเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด

เอเอฟซีคัพ 2552

สโมสร ได้สิทธิร่วมแข่งขันในรายการ เอเอฟซี คัพ ในฐานะรองชนะเลิศของลีก โดยจับฉลากแบ่งสายรอบแรก ชลบุรีได้อยู่ในสาย G โซนตะวันออก โดยอยู่ร่วมสายเดียวกับทีม ฮานอย เอซีบี (เวียดนาม) อีสเทิร์น แอธเลติก (ฮ่องกง) และ เคดาห์ (มาเลเซีย) [5]

ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมชลบุรีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์ของกลุ่ม G ไปเจอกับทีม พีเอสเอ็มเอส เมดาน จากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งชลบุรีเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 4 ประตูต่อ 0[6] ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ พบกับบินห์เยือง สโมสรจากเวียดนาม แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวังเมื่อทีม ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ฤดูกาล 2553

ในปี 2553 สโมสรได้แต่งตั้ง จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง พร้อมกับย้ายสนามเหย้าจาก สนามสิรินธร ภายในโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา มาที่ สนามสถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชลบุรี โดยในฤดูกาลนี้ สโมสรจบด้วยอันดับที่ 3 ในการแข่งขัน แต่ก็ยังสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศฟุตบอลถ้วย มูลนิธิไทยคมเอฟเอคัพ เป็นครั้งแรก ทำให้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน เอเอฟซีคัพ ฤดูกาล 2554

ฤดูกาล 2554

ในปี 2554 สโมสร ได้ย้ายสนามเหย้าจาก สนาม สพล. ชลบุรี มาใช้ ชลบุรี สเตเดียม โดยได้ วิทยา เลาหกุล มารับตำแหน่งผู้จัดการทีมเต็มตัว โดยทำงานร่วมกับ จเด็จ มีลาภ ซึ่งในปีเดียวกันนี้ สโมสรสามารถคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ประจำปี 2554 มาครองไว้ได้ ซึ่งถือเป็นสมัยที่สามในประวัติศาสตร์สโมสร และจบอันดับด้วยตำแหน่งรองชนะเลิศ ไทยลีก เป็นสมัยที่ 3 แต่ได้สิทธิเข้าไปเล่น รอบคัดเลือกใน เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีกอีกครั้ง

เอเอฟซีคัพ 2554

ในฤดูกาลนี้ สโมสรได้สิทธิเข้าร่วมการแข่งขันอีกครั้ง ใน ชนะเลิศ ไทยเอฟเอคัพ โดยผลการจับสลากแบ่งสาย สโมสรอยู่สาย H ร่วมสายกับ เปอซิปุระชัยปุระ (อินโดนีเซีย) เซาต์ไชน่า (ฮ่องกง) และ คิงฟิชเชอร์อีสต์เบงกอล (อินเดีย)

ผลการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่ม ปรากฏว่า สโมสรสามารถคว้าอันดับที่หนึ่งของกลุ่ม H ด้วยผลงาน ชนะ 4 เสมอ 1 และแพ้ 1 มี 13 คะแนน ได้สิทธิเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายและได้สิทธิเล่นเป็นเจ้าบ้านพบกับ ศรีวิจาย่า จากอินโดนีเซีย[7] และสามารถเอาชนะเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ โดยเข้าไปพบกับทีม นาซาฟ จากอุซเบกิสถาน โดยชลบุรีเป็นฝ่ายแพ้การดวลจุดโทษนาซาฟหลังประตูรวมสองนัดเท่ากัน 1 ประตู ต่อ 1 ตกรอบไปในที่สุด

ฤดูกาล 2555

ปี 2555 สโมสร ได้มีการเปลี่ยนผู้สนับสนุนอุปกรณ์กีฬาจากเอฟบีที เป็น ไนกี้[8][9] และเริ่มเปิดฤดูกาลด้วยการป้องกันตำแหน่งคว้าตำแหน่งชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยพระราชทาน ก. ไว้ได้อีกสมัย โดยการเอาชนะจุดโทษ สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป 6 ประตูต่อ 5 ภายหลังเสมอในเวลา 90 นาที 2 ประตูต่อ 2 ส่วนในลีกนั้น ชลบุรีทำได้เพียงตำแหน่งรองชนะเลิศ เป็นสมัยที่ 4 ส่วนจเด็จ มีลาภ ย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมสงขลา ยูไนเต็ด

เอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก 2555

ภายหลังจากเอเอฟซีปรับจำนวนทีมจากประเทศไทยให้สามารถเข้าร่วมแข่งขันในรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกรอบแบ่งกลุ่ม 1 ทีม และรอบคัดเลือกอีก 1 ทีม ทำให้ชลบุรีได้สิทธิเข้าไปเล่นในรอบคัดเลือกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกโซนตะวันออกอีกครั้ง ด้วยสาเหตุที่ว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าตำแหน่งชนะเลิศทั้งรายการไทยพรีเมียร์ลีกและรายการเอฟเอคัพทั้งสองรายการ ทำให้ชลบุรีซึ่งได้ตำแหน่งรองชนะเลิศไทยพรีเมียร์ลีกใด้สิทธิตัวแทนของประเทศไทยอีกหนึ่งทีม โดยจะเข้าไปพบกับโปฮัง สตีลเลอร์ส จากเกาหลีใต้ ก่อนที่จะเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มต่อไป แต่กลับแพ้ไป 2-0 ต้องตกชั้นลงมาเล่นเอเอฟซีคัพแทน

เอเอฟซีคัพ 2555

หลังจากที่ตกรอบคัดเลือกเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก จากการบุกไปแพ้ โปฮัง สตีลเลอร์ส ของเกาหลีใต้ไป 2 - 0 ชลบุรีได้สิทธ์ไปเล่นใน เอเอฟซีคัพ ซึ่งเป็นถ้วยรองของเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีก โดยชลบุรีได้อยู่ใน กลุ่มจี ร่วมกับย่างกุ้ง ยูไนเต็ด จากประเทศพม่า โฮม ยูไนเต็ด จากประเทศสิงคโปร์ และ ซิตี้เซนต์ แอธแลนติก จากประเทศฮ่องกง ซึ่งชลบุรี ได้แชมป์ของกลุ่มจี และ โฮม ยูไนเต็ด เป็นรองแชมป์

โดยชลบุรีสิทธ์ล่นในรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบกับอัล ซาวร่า รองแชมป์ กลุ่มอี จากประเทศอิรัก ทำการแข่งขันในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 เวลา 19.00 (ตามท้องถิ่น) ที่ ชลบุรีสเตเดียม จังหวัดชลบุรี ประเทศไทย ผลปรากฏว่า ชลบุรี ชนะ อัล ซาวร่า ไปได้ 1 - 0 จากประตูของ พิภพ อ่อนโม้ ในนาทีที่ 8 จึงผ่านเข้ารอบไปสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป[10]

ชลบุรีได้ไปเจอกับสโมสรกีฬาอัลชอร์ตา จากประเทศซีเรีย โดยรอบแรกเล่นที่ชลบุรีสเตเดียม ผลปรากฏว่าชลบุรีแพ้ไป 2 - 1 ทั้งที่นำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 3 จาก ตีอาโก คุนญา[11] และรอบสองได้ไปเล่นที่สนาม ปรินทส์ โมฮัมเหม็ด สเตเดียม ที่ ประเทศจอร์แดน เนื่องจากสนามเหย้าของอัลชอร์ต้าซึ่งอยู่ในประเทศซีเรีย ในเมืองดามัสกัสได้มีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น ทางเอเอฟซีจึงปรับให้มาเล่นที่สนามของประเทศจอร์แดนแทน ซึ่งผลปรากฏว่าครบ 90 นาที ชลบุรีนำอยู่ 2 - 1 แต่รวมสกอร์แล้วยังเสมออยู่ 3 - 3 เลยต้องต่อเวลาพิเศษไป ผลปรากฏว่าชลบุรีได้ 2 ประตู จากติอาโก คุนญา ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ครบ 120 นาที ชลบุรีจึงบุกไปชนะได้ 4 - 2 รวมสกอร์จากนัดแรก ชลบุรีชนะไป 5 - 4 โดยรอบก่อนรอบรองชนะเลิศ ชลบุรีจะได้พบทีม สโมสรฟุตบอลอาร์บิล จากประเทศอิรัก[12] ซึ่งนัดแรกชลบุรีบุกไปแพ้ถึง 1 - 4 และนัดที่สองได้กลับมาเล่นที่ชลบุรีก็แพ้ไปด้วยสกอร์เดิม 1 - 4 รวมผลสองนัดชลบุรีตกรอบไปด้วยสกอร์รวม 8 - 2 คว้าอันดับ 3 ไปครอง

ฤดูกาล 2556

ปี 2556 สโมสรฟตบอลชลบุรีเปิดตัววรวุฒิ ศรีมะฆะ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ พร้อมกันนี้ได้แต่งตั้งเทิดศักดิ์ ใจมั่น ขึ้นโค้ชและผู้เล่นอีกตำแหน่งหนึ่ง ในปีนี้จบฤดูกาลด้วยดันดับสามในลีกแต่ได้สิทธิในการเข้าร่วมรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบคัดเลือกรอบสอง ขณะเดียวกัน วิทยา เลาหกุล ได้ประกาศลาออกจากการคุมทีมและขึ้นไปดำรงตำแหน่งประธานพัฒนาเทคนิคตามเดิม โดยแต่งตั้ง มะซะฮิโระ วะดะ จากวิสเซล โคเบะ เข้ามาทำหน้าที่แทน[13]

ฤดูกาล 2557

ปี 2557 สโมสรฟุตบอลชลบุรี ภายใต้การคุมทีมของมะซะฮิโระ วะดะ จบฤดูกาลในตำแหน่งรองชนะเลิศทั้งรายการไทยพรีเมียร์ลีกและรายการไทยคมเอฟเอคัพ โดยพ่ายให้กับบางกอกกล๊าส 1-0 ภายหลังมะซะฮิโระ วะดะ ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม มติผู้บริหารตัดสินใจดึง จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง

ฤดูกาล 2558

ปี 2558 สโมสรฟุตบอลชลบุรี ที่ได้จเด็จ มีลาภ กลับมาคุมทีมอีกครั้ง พาทีมจบฤดูกาลในอันดับที่สี่ แต่ได้สิทธิในการเข้าร่วมรายการเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกในรอบเพลย์ออฟ รอบสองแทน สโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี ที่ขาดคุณสมบัติเข้าร่วมรายการนี้เนื่องจากติดปัญหาเรื่องคลับไลเซนซิ่ง[14] โดยหลังจบนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ชลบุรีเปิดบ้านพ่ายให้กับ สโมสรฟุตบอลสระบุรี 0-3 จเด็จ มีลาภ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมทันที[15]

ยุคปัจจุบัน

สโมสร ได้มีการปรับเปลื่ยนนโยบายการพัฒนาสโมสร โดยเน้นใช้ผู้เล่นเยาวชนของสโมสรมากขึ้น โดยได้เริ่มต้นตั้งแต่ฤดูกาล 2556 โดยส่ง สโมสรพานทอง เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลในระดับ ดิวิชัน 2 โดยนำนักฟุตบอลเยาวชนเข้าร่วม และพัฒนา ต่อยอดสู่สโมสรในอนาคต ต่อมาใน ฤดูกาล 2559 ได้แต่งตั้ง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ขึ้นเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ของสโมสร[16] และพร้อมกับดันนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรขึ้นสู่ ทีมชุดใหญ่ โดยผลงานในสองฤดูกาลที่เทิดศักดิ์เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน จบอันดับที่ 5 ในฤดูกาล 2559 และอันดับที่ 7 ในฤดูกาล 2560 ทำให้ เทิดศักดิ์ ใจมั่น ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังสิ้นสุดฤดูกาล[17]

ฤดูกาล 2561

ต่อมา ผู้บริหารแต่งตั้ง โกรัน บาร์ยัคทาเรวิช ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีม[18]และแต่งตั้ง เทิดศักดิ์ ใจมั่น ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ต่อมา โกรันได้ลาออกจากตำแหน่ง[19] และได้แต่งตั้ง จักรพันธ์ ปั่นปี ขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนแทน

ฤดูกาล 2562

ในฤดูกาล 2562 ทีมมีผลงานไม่ค่อยดีนักโดยหลังจากการแข่งขันทั้งสิ้น 13 นัด ทีมตกอยู่ในอันดับ 10 ของตาราง และตกรอบรายการเอฟเอคัพ จักรพันธ์ ปั่นปี จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 [20] ต่อมาบอร์ดบริหารสโมสรตัดสินใจแต่งตั้งสะสม พบประเสริฐ ขึ้นเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนแทน[21] สะสม พบประเสริฐ ได้ดึงตัวนักเตะมากประสบการณ์ เช่น ดัสกร ทองเหลา ธีรเทพ วิโนทัย สมปอง สอเหลบ มงคล นามนวด และสินทวีชัย หทัยรัตนกุล กลับมาช่วยประคองนักเตะเยาวชนที่มีอยู่ในทีม

สัญลักษณ์สโมสร

ในวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ณ สนามชลบุรีสเตเดียม สโมสรฟุตบอลชลบุรีได้จัดพิธีเปิดตัวสัญลักษณ์สโมสรใหม่ ทดแทนสัญลักษณ์แบบเดิมที่ใช้งานมายาวนานนับสิบปี ทั้งนี้นายวิทยา คุณปลื้ม ประธานสโมสร ได้กล่าวถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ว่าต้องการปรับปรุงภาพลักษณ์ของสโมสรให้มีความเป็นมืออาชีพพร้อมเข้าสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ จึงต้องมีการพัฒนาสัญลักษณ์สโมสรให้มีความเป็นสากลและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง[22]

  • ประวัติสัญลักษณ์ของสโมสร
  • 2543
  • 2544 – 2545
  • 2546 – 2547
  • 2548
  • 2549 - 2554
  • 2555 – ปัจจุบัน

ใกล้เคียง

สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี

แหล่งที่มา

WikiPedia: สโมสรฟุตบอลชลบุรี http://www.bangkokshark.com/forum/index.php/ http://www.chonburifootballclub.com/ http://www.chonburifootballclub.com http://www.chonburifootballclub.com/en/football-ne... http://www.chonburifootballclub.com/en/football-ne... http://www.chonburifootballclub.com/en/football-ne... http://www.chonburifootballclub.com/th/%E0%B9%80%E... http://www.chonburifootballclub.com/th/news/1272/%... http://www.chonburifootballclub.com/th/news/2759/%... http://www.chonburiindex.com/forum/%E0%B8%82%E0%B9...