ผลงานในแต่ละฤดูกาล ของ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี

โรแบร์โต มันชีนี อดีตผู้จัดการทีม

ฤดูกาล 2007-2008 ที่ผ่านมา หลังจากเพียร์ซถูกปลดจากตำแหน่งผู้จัดการทีม สเวน-เยอราน เอริกซอนก็เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมแทน ภายหลังลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษครบ 1 ปี ซิตีชนะใน 3 นัดแรกของฤดูกาล ซึ่งรวมถึงดาร์บี้แมตช์กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และไม่เสียประตูเลยสักประตูเดียว แต่สุดท้ายแล้วแพ้ในนัดที่สี่ที่พบกับอาร์เซนอล อย่างไรก็ตาม ผลงานของทีมที่บ้านดีมากโดยไม่แพ้ใครติดต่อกัน 10 นัดโดยเริ่มจากนัดที่ชนะดาร์บีเคานตี ในวันที่ 15 สิงหาคม ก่อนที่จะมาแพ้ทอตนัมฮอตสเปอร์ 0-2 ในฟุตบอลลีกคัพในวันที่ 18 ธันวาคม หรือ 4 เดือนต่อมานั่นเอง หลังจากนั้นก็สามารถย้ำแค้นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นผลงานของทีม ดูต่ำกว่าครึ่งแรกของฤดูกาลมาก และแม้ว่านัดสุดท้าย จะบุกไปแพ้มิดเดิลสโบรช์ ย่อยยับถึง 8-1 ก็ยังได้สิทธิเข้าไปแข่งขัน ในยูฟ่าคัพ ฤดูกาล 2008/2009 จากการอยู่ในอันดับที่ 9 และเป็นทีมแฟร์เพลย์ดีที่สุดในฤดูกาลนั้นของพรีเมียร์ลีก และเมื่อจบฤดูกาล อีริคส์สันพาทีมไปแข่งนัดกระชับมิตร ที่ประเทศไทย และเกาะฮ่องกงของจีน เมื่อช่วงกลางเดือนพฤษภาคม จากนั้นในวันที่ 2 มิถุนายน ดร.ทักษิณ ชินวัตร เจ้าของและประธานสโมสร ปลดอีริคส์สันออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม นำมาซึ่งการคัดค้านอย่างรวดเร็วจากแฟนๆ ของซิตี และมาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีมสโมสรฟุตบอลแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เข้ามารับตำแหน่งแทน ในสองวันถัดมา ฮิวจ์สเข้ามาร่วมงานกับสโมสร เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน โดยเซ็นสัญญาคุมทีมทั้งหมด 3 ปี และตามด้วยการเข้ามาของผู้เล่นอย่าง โช, ทาล เบน-ฮาอิม, แวงซอง ก็องปานี, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ และพาโบล ซาบาเลตา

ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2008 กลุ่มแนวร่วมการลงทุนแห่งอาบูดาบี (Abu Dhabi United investment group - ADUG) เข้าซื้อกิจการสโมสรจาก ดร.ทักษิณ ในวันสุดท้ายของกำหนดเวลาซื้อขายนักฟุตบอล ตามด้วยการเปิดดีลครั้งใหญ่ แสดงศักยภาพทางการเงิน โดยทำการเจรจาซื้อตัว ผู้เล่นชื่อดังจากหลายสโมสร ด้วยค่าตัวประมาณคนละ 30 ล้านปอนด์ขึ้นไป นับเป็นการเปิดตัวด้วยการตลาด ที่สร้างความฮือฮาอย่างมาก ในจำนวนนั้น มีนักเตะอย่างดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ จากสเปอร์ส หรือโรบินญู จากเรอัลมาดริด รวมอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม การเปิดการเจรจากับสเปอร์ทำให้ต้องเสียนักเตะอย่าง ชอลูกา ออกไปจากทีมและ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ก็ตัดสินใจไปอยู่ร่วมกับทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ส่วนทางโรบินญูนั้น ได้มีปัญหากับต้นสังกัดเดิมคือเรอัลมาดริด และตัดสินใจย้ายมาแมนเชสเตอร์ซิตีไม่ยาก เพราะมีเพื่อนชาวบราซิลคนสนิทอย่าง เอลาโน อยู่ในทีมด้วยนั่นเอง

หลังจาก ADUG เข้ามาเทคโอเวอร์ ก็ได้ส่ง สุไลมาน อัล-ฟาฮิมเข้ามาเพื่อดูแสสโมสรในนามกลุ่ม ADUG แต่เนื่องจากบทสัมภาษณ์ทางทีวี ที่อวดความร่ำรวยจนเกินงาม ทำให้โดนปลดออกและมีชื่อเจ้าของสโมสรที่แท้จริงปรากฏออกมา คือ ชีค มานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน น้องชายกษัตริย์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตต์ โดยได้แต่งตั้งคาลิด อัล มูบารัค เข้ามาทำหน้าที่ประธานสโมสร

ในส่วนของการแข่งขันนัดแรกของฤดูกาล 2008-09 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม นั้น สโมสรแพ้สโมสรฟุตบอลแอสตันวิลลา 4–2 ในเกมเยือน ที่สนามวิลลา พาร์ค โดยประตูแรกมาจากฝั่งของเจ้าถิ่น ในนาทีที่ 47 จากจอห์น คาริว หลังจากนั้นเอลาโน่ บลูแมร์ตีเสมอให้แมนเชสเตอร์ซิตี จากลูกโทษที่จุดโทษนาที่ที่ 64 จากนั้นกาเบรียล อักบอนลาฮอร์มาซัดแฮตทริกในนาที่ที่ 67,74 และ 75 และเวดราน ชอร์ลูก้า มายิงตีตื้นให้แมนเชลเตอร์ ซิตีเป็น 4–2 ในนาที 89

สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี ได้ประสบความสำเร็จในการเล่นรอบคัดเลือกยูฟ่า คัพ รอบแรกโดยการชนะ สโมสรฟุตบอลอีบี/สเตรย์เมอร์จากหมู่เกาะแฟโรห์ 2–0 (หลังจากชนะในนัดแรก 0–2) และชนะ สโมสรฟุตบอลมิดทิลแลนด์จากเดนมาร์ก 0–1 (หลังจากแพ้ในนัดแรก 0–1) แต่ชนะในการดวลจุดโทษ 4–2 ในรอบแรกนั้นสามารถชนะโอโมเนีย นิโคเซียจากไซปรัส 2–1 (หลังจากชนะในนัดแรก 2–1) ในรอบแบ่งกลุ่มได้อยู่ในกลุ่มเอร่วมกับ สโมสรฟุตบอล ชัลเคอ 04จากเยอรมัน สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์-แชร์กแมงจากฝรั่งเศส สโมสรฟุตบอลราซิง ซานตานเดร์จากสเปน และ สโมสรฟุตบอลเอฟซี ทเวนเตจากเนเธอร์แลนด์ส และสามารถเอาชนะ สโมสรฟุตบอลเอฟซี ทเวนเต3–2 ชนะ สโมสรฟุตบอล ชัลเคอ 04ชนะ 2–0 เสมอ สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง 0–0 และแพ้ สโมสรฟุตบอลราซิง ซานตานเดร์ 3–1 และในรอบ 32 ทีมสุดท้าย ได้พบกับ สโมสรเอฟซี โคเปนเฮเกนจากเดนมาร์ก นัดแรกที่เดนมาร์ก ผลออกมาเสมอ 2–2 และนัดที่ 2 ที่อีสต์แลนด์ สามารถเอาชนะไปได้ 2–1 เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ สโมสรอัลบอร์ก บีเค จากเดนมาร์กซึ่งเป็นการเจอกับทีมที่มาจากเดนมาร์กเป็นครั้งที่ 3 ของฤดูกาลนี้ ซึ่งก็สามารถเอาชนะได้ในนัดแรก 2–0 และบุกไปแพ้ 2–0 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการต่อเวลาและการยิงจุดโทษ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ซิตีก็สามารถเอาชนะไปได้ 4–2 เข้ารอบก่องรองชนะเลิศพบกับ สโมสรฟุตบอลฮัมบวร์ก จากเยอรมัน ซึ่งบุกไปแพ่ก่อน 3–1 แต่ก็ทำได้แค่เฉือนชนะ 2–1 ที่อีสต์แลนด์ ทำให้ต้องออกจากการแข่งขันยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2008/09 โดยจบฤดูกาลทีมจบด้วยอันดับ 10 ซึ่งถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานทั้งที่มีนักเตะชั้นนำอย่าง โรบินญู, ฌอณ ไรท์ ฟิลลิปส์, เคร็ก เบลลามี, โช และ เชย์ กิฟเว่น

โดยก่อนฤดูกาล 2009/2010 จะเริ่มต้นทีมสามรถเซ็นสัญญานักเตะอย่างเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ และโคโล ตูเร่ จากอาร์เซนอล, คาร์ลอส เตเวซ, ซิลวิญญู, โรเก ซานตาครูซ, แกเร็ท แบร์รี และโจลีออน เลสค็อต ทำให้ทีมเริ่มต้นได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนที่ฟอร์มจะเริ่มตกต่ำลง เนื่องจากทำสถิติเสมอตลอด 8 นัด ในที่สุดสโมสรจึงมีมติปลดมาร์ค ฮิวส์ ออกจากตำแหน่งเนื่องจากทีมไม่มีแววได้ติดท็อปโฟว์ทั้งที่ใช้เงินไปร่วม 200 ล้านปอนด์ตลอดการคุมทีม และเป็นโรแบร์โต มันชินี อดีตผู้จัดการทีมอินเตอร์ มิลาน เข้ามารับตำแหน่งแทนแต่ทีมก็พลาดเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลคาร์ลิง คัพ โดยแพ้คู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดพร้อมกับสโตกชนะซิตี ทำให้ตกรอบฟุตบอลเอฟเอ คัพ ทั้งที่ในช่วงตลาดนักเตะได้ทำการซื้อนักเตะอย่างซามีร์ นัสรี อดีตกองกลางอาร์เซนอล และแอดัม จอห์นสัน ปีกดาวรุ่งมาร่วมทีม

ฤดูกาล 2010/2011 แมนซิตียังไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ ทำได้แค่อยู่อันดับ 3 ห่างจากแมนยูไนเต็ด มากถึง9คะแนน แม้จะมีการเสริมทัพมาก อาทิ ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา, มารีโอ บาโลเตลลี ซึ่งตอนนี้ได้เป็นกำลังหลักของทีม

ฤดูกาล 2011/2012 แมนซิตีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ

ในยุคโค้ช มานูเอล เปเลกรินิ สามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกได้ใน ฤดูกาล 2013/2014 ได้เป็นผลสำเร็จ แล้วสามารถนำทีม เข้ารอบลึกถึง รอบรองฯ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ได้เป็นครั้งแรกของสโมสร ได้ใน ฤดูกาล 2015/2016

สถิติสูงสุดในพรีเมียร์ลีก

สำหรับพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี ในยุคที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอลา เป็นกัปตันกุมบังเหียน เมื่อพวกเขากลายเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำคะแนนได้ถึง 100 แต้ม หลังบุกไปเฉือนชนะ “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน คาถิ่น 1-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดปิดฤดูกาล 2017-18

เกมดังกล่าว ทีมเรือใบสีฟ้ากว่าจะได้ประตูชัยก็ต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บนาทีที่ 4 จากจังหวะที่เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม จ่ายทะลุให้กาเบรียล เชซุส หลุดเข้าไป ชิพข้ามหัวนายทวารเซาแธมป์ตัน เข้าประตูไปอย่างสวยงาม

ต้องบอกว่า การเป็นแชมป์ 100 แต้มของแมนฯซิตี้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ เป็นผลงานที่สุดยอดไร้เทียมทานจริงๆ และเชื่อว่าสถิตินี้จะอยู่ยง คงกระพันไปอีกนานเลยทีเดียว เพราะคงเป็นเรื่องยากที่จะมีทีมอื่นมาทำลายสถิตินี้ลงได้นอกจากจะเก็บ 100 คะแนนแล้ว แมนฯซิตี้ยังยิงได้ถึง 106 ประตูอีกด้วย ซึ่งถือเป็นสถิติยิงประตูมากที่สุดต่อหนึ่งฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก ทำลายสถิติเดิมของเชลซีที่ทำไว้ 103 ประตู ในฤดูกาล 2009-10

ไม่เพียงแค่นั้น แมนเชสเตอร์ซิตี ยังสร้างสถิติประดับวงการลูกหนังอังกฤษอีกมากมาย ทั้งเก็บชัยชนะได้ถึง 32 นัด มากที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ทุบสถิติเดิมของ “สิงห์บลู” ที่ทำไว้ 30 นัด เมื่อฤดูกาล 2016-17

“เรือใบสีฟ้า” ยังทำสถิติเก็บชัยชนะติดต่อกันมากที่สุดในพรีเมียร์ลีก โดยทำได้ 18 นัดติดต่อกัน ซึ่งทำลายสถิติเดิมของเชลซี (อีกแล้ว) ที่เคยทำได้ 13 เกมติดต่อกัน ในซีซัน 2016-17

อีกสถิติที่แมนฯซิตี้ทำลายลงได้ก็คือ เก็บชัยชนะนอกบ้านได้มากที่สุด 16 นัด ทุบสถิติเก่าที่เชลซีเป็นเจ้าของ ซึ่งทำได้ 15 นัด เมื่อฤดูกาล 2004-05

เท่ากับว่าตอนนี้ แมนฯซิตี้เหลือแค่เป็นแชมป์แบบไร้พ่ายตลอดทั้งซีซัน พวกเขาก็จะก้าวขึ้นไปครองความยิ่งใหญ่เทียบเท่า “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ซึ่งเคยเป็นแชมป์ไร้พ่าย เมื่อซีซัน 2003-04

ใกล้เคียง

สโมสรฟุตบอลทอตนัมฮอตสเปอร์ สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี สโมสรฟุตบอลเชลซี สโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล สโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก สโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล สโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี