เมนูนำทาง
อันดับสัตว์ฟันแทะ การจัดจำแนกและวิวัฒนาการการเรียงของฟัน (Dentition) เป็นลักษณะสำคัญในการจำแนกฟอสซิลของสัตว์ฟันแทะจากฟอสซิลของสัตว์ชนิดอื่น โดยฟอสซิลสัตว์ฟันแทะที่เก่าแก่ที่สุดที่เคยบันทึกมาจากสมัยสมัยพาลีโอซีนซึ่งเป็นช่วงหลังจากการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ที่ไม่ใช่นกเมื่อ 66 ล้านปีทีแล้ว ฟอสซิลเหล่านี้ถูกพบเจอ ณ มหาทวีปลอเรเชีย ซึ่งรวมทวีป ณ ปัจจุบันได้แก่ ทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย กลิเรสเป็นเคลดที่รวมอันดับสัตว์ฟันแทะและอันดับกระต่ายไว้ด้วยกัน โดยเคลดนี้แบ่งแยกออกจากเชื้อสายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในไม่กี่ล้านปีหลังจาก Cretaceous-Tertiary boundary ต่อมาสัตว์ฟันแทะและกระต่ายจึงแพร่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ที่มากขึ้นในช่วงมหายุคซีโนโซอิก[79] ผลข้อมูลจากนาฬิกาอาศัยโครงสร้างโมเลกุล (molecular clock data) ชี้ให้เห็นว่าสัตว์ฟันแทะ ณ ปัจจุบันโพร่ขึ้นมาจากปลายยุคครีเทเชียส แต่ทว่าการคาดการณ์ของงานวิจัยอื่นตรงกับการบันทึกของฟอสซิลมากกว่า (สมัยพาลีโอซีน)[80][81]
สัตว์ฟันแทะถูกเชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดในเอเชีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่สัตว์ multiuberculate ได้รับผลกระทบอย่างมากเนื่องจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ยุคครีเทเชียส–พาลีโอจีน และไม่เคยฟื้นฟูกลับได้ไม่เหมือนเดิมซึ่งไม่เหมือนกับญาติของมันในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป อันเป็นผลจากการที่ระบบนิเวศได้ผลกระทบจากเหตุการณ์การสูญพันธุ์ เปิดโอกาสให้สัตว์ฟันแทะและสมาชิกในเคลดกลิเรสมีวิวัฒนาการและสามารถกระจายพันธุ์ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างการแพร่กระจายของสัตว์ฟันแทะและการสูญพันธุ์ของ multituberculates เป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงเป็นอย่างมาก ความหลากหลายทางชีวภาพของ multituberculates อเมริกันและยุโรปลดลงเมื่อมีการนำเข้าของสัตว์อันดับฟันแทะในพื้นที่นี้ แต่ทว่า multituberculates จากทวีปเอเชียยังคงหลงเหลืออยู่และอาศัยรวมกันกับสัตว์ฟันแทะอย่างน้อย 15 ล้านปี[82]
ประวัติศาสตร์การปกครองทวีปบนโลกโดยสัตว์ฟันแทะมีความซับซ้อน การแพร่กระจายของวงศ์ใหญ่ Muroidea (รวมสัตว์เช่น แฮมสเตอร์ เจอร์บิล หนูที่แท้จริง) อาจจะรวมถึง 7 พื้นที่ในทวีปแอฟริกา 5 พื้นที่ในทวีปอเมริกาเหนือ 4 พื้นที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2 พื้นที่ในทวีปอเมริกาใต้ และมากถึง 10 พื้นที่ในทวีปยูเรเชีย[83]
Ceratogaulus hatcheri เป็นโกเฟอร์ที่มีเขา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ขุดดินในปลายสมัยไมโอซีนถึงต้นสมัยไพลสโตซีน และเป็นสัตว์ฟันแทะเดียวที่รู้จักว่ามีเขา[84]ความหลากหลายทางสายพันธุ์ของสัตว์ฟันแทะเพิ่มในสมัยอีโอซีน บีเวอร์มีต้นกำเนิดอยู่ ณ ทวีปยูเรเซียในปลายสมัยอีโอซีนก่อนที่จะแพร่กระจายถิ่นฐานไปยังทวีปอเมริกาเหนือในปลายสมัยไมโอซีน[85] กลุ่มของเม่นโลกเก่า (Hystricognathi) คาดการว่ามีต้นกำเนิด ณ ทวีปเอเชียเมื่อ 39.5 ล้านปีที่แล้วและเริ่มที่จะแพร่กระจายในทวีปแอฟริกาในช่วงปลายอีโอซีน[86] ฟอสซิลจากแอฟริกาบ่งบอกว่าสัตว์บางชนิดจากกลุ่มเม่นโลกเก่า (Caviomorpha) ปกครองทวีปอเมริกาใต้ซึ่งตอนนั้นเป็นทวีปสันโดษ โดยสัตว์เหล่านี้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกโดยลอยตามกระแสน้ำมาพร้อมกับเศษขยะ[87] Caviomorpha มาถึงยังทวีปอเมริกาใต้เมื่อ 41 ล้านปีที่แล้ว[86]และถึงเกรตเตอร์แอนทิลลีสเมื่อต้นสมัยโอลิโกซีน ซึ่งบงบอกว่าสัตว์กลุ่มนี้แพร่กระจายอย่างต่อเนื่องบนทวีปอเมริกาใต้[88]
Nesomyid ถูกเชื่อว่าเดินทางจากทวีปแอฟริกาไปยังมาดากัสการ์เมื่อประมาณ 20-24 ล้านปีที่แล้ว[89] 27 ชนิดหมดของหนูมาลากาซีคาดว่าน่าจะสืบทอดมาจากเหตุการณ์การปกครองครั้งเดียว
ฟอสซิลที่เป็นของกลุ่มสัตว์เช่น วงศ์ Muridae เริ่มที่จะเกิดขึ้นเมื่อ 20 ล้านปีที่แล้ว[90] ในสมัยไมโอซีนเมื่อทวีปแอฟริกาเชื่อมกับทวีปเอเชีย สัตว์ฟันแทะทวีปแอฟริกาเช่น เม่น เริ่มที่จะแพร่กระจายประชากรในทวีปยูเรเซีย[91] ฟอสซิลของสัตว์บางชนิดมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับสัตว์ฟันแทะในยุคปัจจุบันรวมถึงบีเวอร์ยักษ์ (Castoroides ohioensis) ซึ่งสามารถโตและมีความยาวไดถึง 2.5 เมตรและมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม[92] สัตว์ฟันแทะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดคือ Josephoartigasia monesi ซึ่งเป็นพาคารานา (pacarana) ที่มีความยาวตัวได้ถึง 3 เมตร[93]
ประมาณ 2/3 ของสัตว์ฟันแทะทั้งหมดอยู่ในวงศ์ใหญ่ Muroidea ดูจากแผนภูมิวงกลมจะเห็นได้ว่าวงศ์หนู (สีน้ำเงิน) และวงศ์หนูทุ่ง (สีแดง) เป็นส่วนประกอบหลักของวงศ์ใหญ่ Muroideaสัตว์ฟันแทะตัวแรกที่ถึงทวีปออสเตรเลียมาจากอินโดนีเซียเมื่อ 5 ล้านปีที่แล้ว ถึงแม้ว่าสัตว์ที่มีกระเป๋าหน้าท้องจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่เป็นรู้จักเมื่อพูดถึงทวีปออสเตรเลีย สัตว์ฟันแทะหลายชนิดซึ่งทั้งหมดอยู่ในวงศ์ย่อย Murinae เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมท้องถิ่นที่สำคัญ[94] โดยจะมีสัตว์ฟันแทะมีประมาณ 50 ชนิดที่ถือว่าเป็น “สมาชิกท้องถิ่นเก่า” โดยในกลุ่มแรกของสัตว์ฟันแทะปกครองทวีปออสเตรเลียเมื่อสมัยไมโอซีนหรือต้นสมัยไพลโอซีน ในขณะที่หนูที่แท้จริง 8 ชนิดซึ่งถือว่าเป็น “สมาชิกท้องถิ่นใหม่” มาปกครองทวีปออสเตรเลียเป็นกลุ่มที่สองในช่วงปลายสมัยไพลโอซีนหรือต้นสมัยไพลสโตซีน ฟอสซิลที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในทวีปออสเตรเลียมีอายุได้มากถึง 4.5 ล้านปี[95]และข้อมูลจากการศึกษาระดับโมเลกุลตรงกับการปกครองเกาะนิวกินีช่วงตะวันตกเมื่อช่วงปลายสมัยไมโอซีนหรือต้นสมัยไพลโอซีนและตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นของความหลากหลายทางชีวิต การแผ่ปรับตัวเกิดขึ้นอีกรอบเมื่อหลักจากการปกครองทวีปออสเตรเลียหนึ่งครั้งหรือมากกว่าเมื่อ 2-3 ล้านปีต่อมา[96]
สัตว์ฟันแทะมีบทบาทสำคัญเมื่อมีการเกิดขึ้นของ the Great American Interchange ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อกันของทวีปอเมริกาใต้และเหนือด้วยแผ่นดินคอคอดปานามาเมื่อ 3 ล้านปีที่แล้วในสมัย Piacenzian[97] โดยการเชื่อมต่อนี้ทำให้กลุ่มของสัตว์จำนวนน้อยเช่น เม่นโลกใหม่ (Erethizontidae) เดินทางไปยังอเมริกาเหนือ[90] ในทางกลับกันการบุกรุกไปยังทางใต้ของ Sigmodontinae เกิดขึ้นไม่กี่ล้านปีก่อนที่ทวีปทั้งสองจะเชื่อมกันโดยสัตว์กลุ่มนี้เดินทางโดยวิธีการล่องแพ[98][99][100] Sigmodontinae กระจายตัวและเพิ่มความหลากหลายเป็นอย่างมากเมื่อถึงทวีปอเมริกาใต้ แต่ทว่าการหลากหลายของสัตว์กลุ่มนี้เกิดขึ้นบนอเมริกากลางแล้วก่อนการปกครองทวีปอเมริกาใต้[99][100] เนื่องจากการปกครองของสัตว์กลุ่มนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ระยะต้น ๆ ส่งผลให้สัตว์ฟันแทะทวีปอเมริกาเหนือเช่น sciurids geomyids heteromyids และ nonsigmodontine cricetids มีกลุ่มประชากรน้อยในสัตว์ทวีปอเมริกาใต้
ชื่อกลุ่ม “สัตว์ฟันแทะ (rodentia)” เริ่มใช้โดยนักเดินทางและนักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ Thomas Edward Bowdich (ค.ศ.1821) [101] คำภาษาลาตินยุคปัจจุบันว่า “Rodentia” มีรากฐานมาจากคำกริยาปัจจุบัน “rodere” ซึ่งแปลว่า “แทะ” หรือ “กัดกิน” [102] กระต่ายป่า กระต่าย และพิกา (อันดับกระต่าย) มีฟันดัดหน้าที่เติบโตเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับสัตว์ฟันแทะ และเคยถูกนับว่าอยู่อันดับเดียวกัน แต่ทว่าสมาชิกในอันดับกระต่ายมีฟันดัดหน้าอีกคู่บนฟันกรามบน และทั้งสองอันดับต่างมีประวัติวิวัฒนาการที่แตกต่าง[103] เนื่องจากวงศ์วานวิวัฒนาการของอันดับสัตว์ฟันแทะ จึงทำสัตว์ฟันแทะถูกจัดอยู่ในเคลดกริเรสซึ่งรวมอันดับใหญ่ Euarchontoglires และ Boreoeutheria แผนผังเคลดด้านล่างข้อความนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกของอันดับสัตว์ฟันแทะ อ้างอิงจาก Wu และคณะ (ค.ศ. 2012) ซึ่งใช้ข้อมูลจากการศึกษาเชิงวงศวานวิวัฒนาการระดับโมเลกุลและบรรพชีวินวิทยา:[104]
Boreoeutheria |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
วงศ์ของอันดับสัตว์ฟันแทะที่ยังมีชีวิตอยู่ อ้างอิงจากงานวิจัยโดย Fabre และคณะ (ค.ศ. 2012) [105]
อันดับสัตว์ฟันแทะสามารถแยกเป็น อันดับย่อย อันดับฐาน วงศ์ใหญ่ และวงศ์ วิวัฒนาการแบบขนานและวิวัฒนาการแบบเบนเข้าเกิดขึ้นบ่อยครั้งในอันดับสัตว์ฟันแทะเนื่องจากสมาชิกเหล่านี้มักที่จะวิวัฒนาการให้มีบทบาทคล้ายกัน วิวัฒนาการแบบขนานที่เกิดขึ้นมีทั้งโครงสร้างฟัน และบริเวณรอบกะโหลก (ใต้เบ้าตา) ซึ่งทำให้ยากต่อการจัดแจงเนื่องจากลักษณะที่เหมือนกันอาจจะไม่เกิดจากการมีบรรพบุรุษเหมือนกัน[106][107] Brandt (ค.ศ. 1855) เป็นนักธรรมชาติวิทยาชาวเยอรมันคนแรกที่เสนอให้แบ่งอันดับสัตว์ฟันแทะเป็นสามอันดับย่อย Sciuromorpha Hystricomorpha และ Myomorpha โดยมีพื้นฐานข้อมูลมาจากการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อกรามบางมัดและทำให้ระบบการจัดแยกนี้เป็นที่ยอมรับในเวลานั้น Schlosser (ค.ศ. 1884) ได้ทำการวิจัยแบบครอบคลุมกับฟอสซิลของสัตว์ฟันแทะ โดยส่วนใหญ่ใช้ฟันกรามและพบว่าตรงกับการจัดเรียงอันดับสัตว์ตอนนั้น แต่ทว่า Tullborg (ค.ศ. 1899) เสนอการจัดเรียงอันย่อยของสัตว์ฟันแทะใหม่เป็น Sciurognathi and Hystricognathi โดยมีพื้นฐานข้อมูลจาก Inflection ของกรามล่าง และต่อมาแบ่งเป็นอันดับย่อยเพิ่มเติมเป็น Sciuromorpha Myomorpha Hystricomorpha และ Bathyergomorpha แมทธิว (ค.ศ. 1910) คิดค้นภูมิต้นไม้ของสัตว์ฟันแทะโลกใหม่แต่ไม่รวมกับสัตว์ฟันแทะโลกเก่าที่มีปัญหามาก การจัดเรียงอันดับย่อยของสัตว์ฟันแทะยังคงดำเนินต่อไปโดยที่ยังไม่มีข้อตกลง โดยบางผู้แต่งยังคงใช้ระบบสามอันดับย่อย ในขณะที่ผู้แต่งท่านอื่นใช้ระบบ Tullborg แบบสองอันดับย่อย[106]
ข้อถกเถียงของการจัดอันย่อยของอันดับสัตว์แทะยังคงดำเนินต่อไปและข้อมูลจากการศึกษาเชิงวงศวานวิวัฒนาการระดับโมเลกุล (Molecular phylogenetics) ยังไม่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้ แต่ทว่าข้อมูลนี้ยืนยันว่ากลุ่มอันดับสัตว์ฟันแทะมาจากชาติพันธุ์เดียว (monophyly) และมีบรรพบุรุษ ณ สมัยพาลีโอซีน Carleton and Musser (ค.ศ. 2005) จาก Mammal Species of the World ใช้ระบบห้าอันดับย่อยที่ยังคงรอคอยการยืนยัน Sciuromorpha Castorimorpha Myomorpha Anomaluromorpha และ Hystricomorpha โดยระบบนี้มี 33 วงศ์ 481 สกุล และ 2277 สปีชีส์[108][109]
อันดับสัตว์ฟันแทะ (จากคำในภาษาละติน rodere แปลว่าแทะ)
อันดับย่อย Anomaluromorpha: สปริงแฮร์แอฟริกาตะวันออก (East African springhare)อันดับย่อย Castorimorpha: Botta's pocket gopherParvorder Caviomorpha: เม่นทวีปอเมริกาเหนือ (North American porcupine)อันดับย่อย Myomorpha: แฮมสเตอร์สีทอง (Golden hamster)อันดับย่อย Sciuromorpha: แอฟริกันดอร์เมาส์ African dormouseเมนูนำทาง
อันดับสัตว์ฟันแทะ การจัดจำแนกและวิวัฒนาการใกล้เคียง
อันดับสัตว์ฟันแทะ อันดับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย อันดับกบ อันดับมหาเศรษฐีโลก อันดับมหาวิทยาลัยไทย อันดับโลกเอฟไอวีบี อันดับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทยโดยสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา อันดับโลกฟีฟ่า อันดับโลกหญิงฟีฟ่า อันดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาแหล่งที่มา
WikiPedia: อันดับสัตว์ฟันแทะ http://www.theage.com.au/articles/2004/05/18/10847... http://www.publish.csiro.au/samples/native%20Mice%... http://www.cpbr.gov.au/cpbr/WfHC/Hydromys-chrysoga... http://www.environment.gov.au/node/14807 http://especesmenacees.ca/en/clothes-and-trimming.... http://nature.ca/notebooks/english/giantbev.htm http://abc.museucienciesjournals.cat/volum-26-2-20... http://bmcevolbiol.biomedcentral.com/articles/10.1... http://www.britannica.com/EBchecked/topic/327815/l... http://www.cell.com/current-biology/fulltext/S0960...