ความปลอดภัย ของ อาหาร

แบคทีเรียซัลโมเนลลาเป็นสาเหตุทั่วไปของอาหารเป็นพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไก่และไข่ที่ยังไม่สุก ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

การเจ็บป่วยเนื่องจากอาหาร หรือมักเรียกว่า "อาหารเป็นพิษ" นั้น เกิดจากแบคทีเรีย สารพิษ ไวรัส ปรสิต และพรีออน มีผู้เสียชีวิตประมาณ 7 ล้านคนทั่วโลกเสียชีวิตเนื่องจากอาหารเป็นพิษทุกปี โดยคิดเป็นราว 10 เท่าของผู้ที่เจ็บป่วยด้วยอาการเดียวกันแต่ไม่ถึงตาย[25] ปัจจัยสองประการที่พบทั่วไปว่าเป็นเหตุนำไปสู่กรณีอาหารเป็นพิษจากแบคทีเรีย คือ การปนเปื้อนข้ามของอาหารพร้อมรับประทานจากอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงอื่นและการควบคุมอุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม ส่วนปัจจัยที่พบน้อยกว่า ปฏิกิริยาไม่พึงประสงค์เฉียบพลันยังอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่เกิดสารเคมีปนเปื้อนในอาหารเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น จากการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม หรือการใช้สบู่และสารฆ่าเชื้อที่ไม่ได้ใช้กับอาหาร อาหารยังอาจปลอมปนได้ด้วยสิ่งแปลกปลอมหลายชนิดระหว่างการเกษตร การผลิต การปรุงอาหาร การห่อบรรจุ การแจกจ่าย หรือการขาย สิ่งแปลกปล้อมเหล่านี้อาจเป็นไปทั้งยาฆ่าแมลง ผม ก้นบุหรี่ ไม้สับ และสิ่งปนเปื้อนทุกรูปแบบ นอกจากนี้ เป็นไปได้ที่อาหารบางประเภทจะได้รับการปนเปื้อนหากเก็บรักษาในภาชนะที่ไม่ปลอดภัย อย่างเช่น หม้อเซรามิกเคลือบตะกั่ว[25]

อาหารเป็นพิษถูกระบุว่าเป็นโรคตั้งแต่สมัยฮิปโปคราตีส (ประมาณ พ.ศ. 83-166) [26] การขายอาหารบูด ปนเปื้อนหรือปลอมปนมีอยู่ทั่วไปจนกระทั่งมีการริเริ่มสุขอนามัย การแช่เย็นและการควบคุมหนอนพยาธิในคริสต์ศตวรรษที่ 19 การค้นพบเทคนิคฆ่าแบคทีเรียโดยใช้ความร้อน และการศึกษาทางจุลชีววิทยาอื่น ๆ โดยนักวิทยาศาสตร์อย่าง หลุยส์ ปาสเตอร์ มีคุณูปการต่อมาตรฐานการสุขาภิบาลสมัยใหม่ซึ่งพบทั่วไปในประเทศพัฒนาแล้วในปัจจุบัน สุขอนามัยดังกล่าวได้รับการพัฒนาต่อโดยผลงานของจุสตุส ฟอน ไลบิก (Justus von Liebig) ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาการเก็บรักษาอาหารสมัยใหม่และวิธีการถนอมอาหาร[27] เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ความเข้าใจสาเหตุของอาหารเป็นพิษที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่การพัฒนาแนวการศึกษาอย่างเป็นระบบมากขึ้น อย่างการวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤตที่ต้องควบคุม (Hazard Analysis and Critical Control Points, HACCP) ซึ่งสามารถระบุและกำจัดความเสี่ยงได้มาก[28]

มาตรการที่แนะนำในการประกันความปลอดภัยของอาหาร รวมทั้งการรักษาพื้นที่เตรียมอาหารให้สะอาด และเก็บอาหารต่างชนิดกันแยกกัน ประกันอุณหภูมิห้องให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ และแช่เย็นอาหารทันทีหลังทำอาหาร[29]

อาหารซึ่งเน่าเสียได้ง่าย อย่างเนื้อสัตว์ นมและอาหารทะเล จำเป็นต้องเตรียมด้วยวิธีการเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ปนเปื้อนผู้บริโภคที่เตรียมอาหารดังกล่าวให้นั้น ด้วยเหตุนี้ หลักการทั่วไปคือ อาหารเย็น (เช่น ผลิตภัณฑ์นม) ควรเก็บไว้ในที่เย็นและอาหารร้อน (เช่น ซุป) ควรทำให้อุ่นจนกว่าจะเก็บ เนื้อสัตว์แช่เย็น เช่น ไก่ ซึ่งจะถูกนำไปทำอาหาร ไม่ควรวางไว้ที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้น้ำแข็งละลาย เพราะมีความเสี่ยงที่แบคทีเรียที่เป็นอันตรายจะเติบโต อย่างเช่น ซัลโมเนลลา หรือ อี. โคไล[30]

การแพ้

บางคนแพ้หรือตอบสนองไวต่ออาหารซึ่งไม่เป็นปัญหาต่อคนส่วนใหญ่ โดยเกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของบุคคลเข้าใจผิดว่าโปรตีนอาหารบางชนิดเป็นสิ่งแปลกปลอมอันตรายและโจมตีมัน ผู้ใหญ่ราว 2% และเด็กราว 8% มีการแพ้อาหาร[31] ปริมาณของเนื้ออาหารแม้เล็กน้อยอาจไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาในบุคคลที่รู้สึกไวจริง ๆ ได้ ในบางกรณี แม้แต่กลิ่นของอาหารในอากาศ ก็อาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงถึงชีวิตได้ในผู้ป่วยอาการหนักมาก อาหารที่ทำให้เกิดการแพ้ที่พบทั่วไปเช่น โปรตีนกลูเตนในข้าว ข้าวโพด หอย ถั่วลิสงและถั่วเหลือง[31] อาหารที่ทำให้เกิดอาหารแพ้นี้มักมีอาการแสดงอย่างท้องร่วง ผื่นคัน การบวมพอง อาเจียน และการขย้อน อาการเกี่ยวกับการย่อยอาหารมักเกิดขึ้นภายในครึ่งชั่วโมงหลังสารที่ทำให้เกิดการแพ้เข้าสู่ร่างกาย[31]

น้อยครั้งที่การแพ้อาหารสามารถนำไปสู่ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ได้ เช่น ภาวะช็อกที่เกิดจากการแพ้ ความดันโลหิตต่ำ และหมดสติ สารที่ทำให้เกิดภูมิแพ้ที่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาประเภทนี้คือถั่วลิสง แต่ผลิตภัณฑ์ยางก็สามารถก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่คล้ายกัน[31] การรักษาขั้นต้นทำโดยการให้เอพิเนฟริน (อะดรีนาลิน) ซึ่งมักให้ในรูปตัวฉีดอัตโนมัติ (autoinjector)

แหล่งที่มา

WikiPedia: อาหาร http://www.britannica.com/EBchecked/topic/212568/f... http://www.chemistryexplained.com/Fe-Ge/Food-Prese... http://edition.cnn.com/2009/WORLD/europe/11/17/ita... http://www.ibisworld.com/newsletter/issues/us/08ma... http://www.medicalnewstoday.com/articles/28063.php http://www.reuters.com/article/idUSTRE57652C200908... http://www.foodsafety.gov/keep/basics/index.html http://www.niaid.nih.gov/publications/pdf/foodalle... http://www.ers.usda.gov/Briefing/ http://www.fsis.usda.gov/Fact_Sheets/Chicken_Food_...