อาหารมีผลสำคัญต่อ
ความเสี่ยงโรค
มะเร็ง โดยอาหารบางอย่างอาจเพิ่มและบางอย่างอาจลดความเสี่ยง และโดยรวม ๆ แล้ว ปัจจัยต่าง ๆ รวมทั้งอาหาร การไม่ออกกำลังกาย และ
โรคอ้วนอาจจะสัมพันธ์กับความตายจากมะเร็งในอัตราถึง 30-35%
[1]แต่ก็มี
งานทบทวนวรรณกรรมปี 2554 ที่เสนอว่า
พลังงานจากอาหารที่บริโภคมีอิทธิพลต่อ
อุบัติการณ์ของมะเร็ง และอาจมีผลต่อการเติบโตของมะเร็งด้วย ไม่ใช่อาหารชนิดใดชนิดหนึ่งโดยเฉพาะ
[2]แม้ว่าจะมีคำแนะนำมากมายหลายอย่างเกี่ยวกับอาหารเพื่อลดความเสี่ยงต่อมะเร็ง แต่มีน้อยอย่างที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ดี
[2]แต่ทั้ง
โรคอ้วนและการดื่มเหล้า มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นเหตุของมะเร็ง
[2]ดังนั้น รายงานปี 2557 ของ
องค์การอนามัยโลก จึงแนะนำให้ลดการบริโภคเครื่องดื่มหวาน ๆ เพื่อแก้ปัญหาโรคอ้วน
[3]แม้ว่าอาหารที่มีผักผลไม้น้อยและมีเนื้อแดงมากอาจเป็นปัจจัยเสี่ยง แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันที่ชัดเจน
[4]และอาจมีผลน้อยต่อบุคคลที่ทานอาหารสมบูรณ์และมีน้ำหนักที่เหมาะสม
[2]แต่ก็มีอาหารบางประเภทโดยเฉพาะ ที่สัมพันธ์กับมะเร็งบางอย่าง คือ มีงานศึกษาที่สัมพันธ์การบริโภคเนื้อแดง หรือเนื้อที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตเพื่อเพิ่มรสชาติหรือเพื่อให้เก็บได้นาน (processed meat) กับการเพิ่มปัจจัยเสี่ยงต่อ
มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่[3]มะเร็งต่อมลูกหมาก[5]และ
มะเร็งตับอ่อน ซึ่งอธิบายเป็นบางส่วนได้ว่าเป็นเพราะมี
สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นเพราะผ่านความร้อนสูง
[6][7]และเพราะมี
อะฟลาทอกซินที่เป็นสารปนเปื้อนสามัญและทำให้เกิด
มะเร็งตับ[8]ส่วนการดื่ม
กาแฟสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งตับที่ต่ำกว่า
[9]การเคี้ยว
หมากก่อให้เกิดมะเร็งปาก
[8]และการบริโภคอาหารที่ต่าง ๆ กันอาจอธิบาย
อุบัติการณ์ของมะเร็งที่ต่าง ๆ กันในประเทศต่าง ๆ ได้โดยบางส่วนยกตัวอย่างเช่น มะเร็ง
กระเพาะอาหารเป็นเรื่องสามัญกว่าใน
ประเทศญี่ปุ่นเพราะทานอาหารที่เค็มกว่า
[8][10]และมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดขึ้นอย่างสามัญกว่าใน
สหรัฐอเมริกาผู้ที่อพยพย้ายถิ่นฐานมักจะเกิดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งเหมือนกับคนพื้นเมือง บางครั้งแม้ภายในชั่วยุคคนเดียว ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างอาหารกับมะเร็ง
[11]คำแนะนำทางอาหารเพื่อป้องกันโรคมะเร็งปกติจะรวมการรักษาน้ำหนักตัว การรับประทานพืชผักผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ขัดสี และปลา เป็นหลัก และการลดการบริโภคเนื้อแดง ไขมันสัตว์ และน้ำตาล
[2]