ฮวานง็อก
ฮวานง็อก

ฮวานง็อก

ฮว่านง็อก (เวียดนาม : Xuân hoa) ประวัติฮว่านง็อก (Pseuderanthemum Palatiferum) ถูกค้นพบในช่วงปลายปี ค.ศ.1990 ในป่า Cuc Phuong ทาง ตอนเหนือของประเทศเวียดนาม ถือเป็นพืชชนิดใหม่ ที่ใช้ในการ รักษาโรค เนื่องจากไม่ปรากฏใน NAPRALERT (1995) ซึ่งเป็น ฐานข้อมูลพืชที่ใช้ในทางการแพทย์ท่วโลกของมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา หลังจากท่พืชชนิดนี้ถูกค้นพบ พืชชนิด นี้ได้รับการปลูกอย่างกว้างขวางในประเทศเวียดนาม โดย ในประเทศไทย จากข้อมูลการบอกเล่า ถูกนำเข้ามาโดยกลุ่ม ทหารผ่านศึกสมัยสงครามเวียดนาม และต้นฮว่านง็อกได้ถูก นำเข้ามาในประเทศไทยกว่า 30 ปี ฮว่านง็อก ท่เริ่มเข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย เร่มจากพื้นที่ในแถบภาคอีสาน ต้งแต่ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ สุรินทร์ และเมื่อเร่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ได้มีการต้งช่อเพื่อสะดวกในการเรียกมากข้น เป็นช่อไทยว่า พญาวานร ว่านลิง ว่านพญาวานร หรือต้นลิง ลักษณะต้นฮว่านง็อก เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูง 1-3 ม. ลำต้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม เปลือกต้นผิวเรียบสีเขียว ใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม รูปวงรีถึงใบหอก กว้าง 3-5 ซม. ยาว 5-15 ซม. โคนใบสอบ ปลายใบแหลมเรียว ขอบใบเรียบ มีเส้นแขนงใบ 8-11 คู่ ผิวใบมีขนยาวห่าง (pilose) ดอกช่อแยกแขนงแบบช่อเชิงลด (spicitiform paniculate) ใบประดับรูปแถบหรือไม่มีใบประดับ มีก้านดอกย่อย ยาว ประมาณ 0.5 มม. มีขนสั้นนุ่มท่ใบประดับก้านดอกย่อยและ กลีบเลี้ยง กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ รูปแถบวงกลีบดอกสีชมพู น้ำเงิน ม่วง หรือ เกือบดำ หลอดดอกรูปทรงกระบอก ดอกปากแตร รูปห้าแฉก เกสรเพศผู้สมบูรณ์ และเป็นหมัน รังไข่เรียบสรรพคุณพื้นบ้าน ในเวียดนาม จะใช้ใบในการรักษาโรคต่างๆ ในคน ได้แก่ ความดันโลหิต ท้องเสีย ไขข้ออักเสบ คออักเสบ กระเพาะ อาหารอักเสบ เนื้องอก ลำไส้อักเสบ ตกเลือด รักษาแผล ท้องผูก นอกจากนี้ยังมีการนำมาใช้ในการรักษาและป้องกันโรค ในสัตว์เลี้ยง ได้แก่ แก้ท้องเสียในสุกรและสุนัข รักษาแผล และ อหิวาต์ในไก่และเป็ด เป็นต้นสารอาหาร ฮว่านง็อกในใบของฮว่านง็อกประกอบด้วย สารอาหารต่างๆ ได้แก่ โปรตีน (ซึ่งพบในปริมาณ 30.8% ของนํ้าหนักแห้ง)กรดอะมิโน ได้แก่ ไลซีน เมทไธโอนีน และทรีโอนีนเกลือแร่ ได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก และทองแดงแคลเซียมแมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง โพแทสเซียม โซเดียม อะลูมิเนียม วาเนเดียม แมงกานีส นิกเกิล837.6 38.8 0.43 587.5 162.737.50 3.75 0.34 0.19ไลซีนเมทไธโอนีนทรีโอนีน29.7 61.0ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของ “ฮว่านง็อก” องค์ประกอบทางเคมีจากการศึกษาพบว่า ในใบประกอบด้วยFlavonoids, B-sitosterol, Phytol, 3-0-(β-D-glucopy ranosyl)-sitosterol, สารผสมระหว่าง stigmasterol และ poriferasterol, n-pentacosan-1-ol และสารผสมระหว่าง kaempferol-3-methyl ether-7-0-β–gluco side และ apigenin-7-0-β-glucoside, 1-triacontanol, salicylic acid, glycerol 1-hexadecanoate, palmitic acid และ pseuderantin ซึ่งเป็นเอนไซม์ท่ย่อยโปรตีนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา (งานวิจัย)ฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ ส่วนสกัดเอทิลอะซิเตทและบิวทานอลจากใบ ซึ่งมีฟลาโวนอยด์เป็นองค์ประกอบหลัก มีฤทธ์ต้านอนุมูลอิสระ เมื่อ ทดลองโดยใช้ humanblood peroxidase modelฤทธ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย ส่วนสกัดเอทิลอะซิเตทและบิวทานอลจากใบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย 10 ชนิด โดยเฉพาะส่วนสกัดเอทิลอะซิเตทจะมี ฤทธิ์แรงต่อเชื้อ Salmonella typhi 158, Shigella flexneri และ E.coliฤทธิ์ต้านเชื้อรา ส่วนสกัดเอทิลอะซิเตทและบิวทานอลจากใบ มีฤทธ์ต้านเชื้อรา Candida albicans และ C. stellatoidesพิษต่อเซลล์มะเร็งสารสกัดเมทานอลจากใบ เป็นพิษอย่างอ่อนต่อเซลล์มะเร็ง B16 melanoma โดยมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้ง การเจริญเติบโตของเซลล์ครึ่งหน่ง (GI50) คือ มากกว่า 100 มคก./มล.ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดสารสกัดเมทานอลจากใบ ความเข้มข้น 100 มคก./มล.มีฤทธ์อย่างอ่อน (น้อยกว่า 25%) ในการยับยั้งการสร้างหลอด เลือดในเซลล์ human umbilical venous ผลต่อสัตว์ มีการศึกษาผลของฮว่านง็อกท่มีต่อการเจริญเติบโตและแก้ท้องเสียในลูกสุกรเล็ก โดยแบ่งออกเป็น 3 การทดลอง คือ การทดลองที่ 1 ทดลองในลูกสุกรที่ยังไม่ได้หย่านม โดยให้กินใบสดขนาด 1 ก./กก./วัน เป็นเวลา 30 วัน การทดลองท่ 2 ทดลองในลูกสุกรท่ไม่ได้หย่านม โดยให้กินใบสดขนาด 0.5 ก./กก./วัน และผงใบแห้ง ขนาด 0.1 และ 0.2 ก./กก./วัน เป็นเวลา 30 วันการทดลองที่ 3 ทดลองในลูกสุกรท่หย่านมแล้ว โดยให้ กินใบสด ขนาด 0.5 ก./กก./วัน และผงใบแห้งขนาด 0.1 และ 0.2 ก./กก./วัน นาน 30 วันพบว่าใน การทดลองท่ 1 ลูกสุกรท่กินใบฮว่านง็อก จะมี น้ำหนักตัวมากกว่ากลุ่มควบคุม จำนวนเม็ดเลือดแดง packed cell และฮีโมโกลบินสูงกว่า ไม่พบการตายและอาการท้องเสีย เช่นเดียวกับ การทดลองที่ 2 และ 3 ลูกสุกรท่กินใบฮว่านง็อก จะมีน้ำหนักตัว จำนวนเม็ดเลือดแดง packed cell และ ฮีโมโกลบินมากกว่ากลุ่มท่ควบคุม ลูกสุกรมีอาการท้องเสีย และตายน้อยกว่า โดยที่ผงแห้งขนาด 0.2 ก/กก. จะให้ผลดีท่สุด ต่อการเจริญเติบโตและแก้ท้องเสียในลูกสุกรเล็กการทดลองเปรียบเทียบผลของฮว่านง็อกกับยาปฏิชีวนะ Coli-norgent (ประกอบด้วย Colistine sulfate 125,000,000 UINorfloxacin2,000มก.Gentamicinsulfate1,000มก. Trimethoprim 1,000 มก. Excipient q.s. 100 ก.) ในการ รักษาอาการท้องเสียในลูกสุกร โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ กินผงใบฮว่านง็อกแห้ง ขนาด 1 ก./กก. กลุ่มท่ได้รับยา Colinorgent และ Cotrimxazol ขนาด 0.1ก./กก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 วันพบว่าฮว่านง็อกให้ผลดีเทียบเท่ายา ปฏิชีวนะทั้ง 2 ชนิด ดังน้นจึงสามารถใช้ทดแทนยาปฏิชีวนะ ในการรักษาอาการท้องเสียในลูกสุกรได้ข้อมูลงานวิจัยในหนูขาวเพศผู้ Toxicological study of Hoan Ngoc (Pseuderanthemum Palatiferum [Nees] Radlk) Extracts on male Albino RatsEvaluation of Toxicity and Biological of Hoan Ngoc [Pseuderathenum platiferum] Extracts for potential of Natural Medicinesโรค ท่สามารถบรรเทาหรือรักษา