เจ้าชายออเกอ เคานต์แห่งโรเซินบอร์ก (
อังกฤษ: His Highness Prince Aage, Count of Rosenborg) (เดิม:เจ้าชายออเกอแห่งเดนมาร์ก) ประสูติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2430 ทรงเป็นพระโอรสพระองค์ใหญ่ใน
เจ้าชายวัลเดมาร์แห่งเดนมาร์ก กับ
เจ้าหญิงมารีแห่งออร์เลอ็อง ทรงเป็นพระราชนัดดาใน
พระเจ้าคริสเตียนที่ 9 แห่งเดนมาร์ก พระญาติชั้นแรกใน
จักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย และ
สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร และยังเป็นพระมาตุลา (ลุงฝ่ายแม่) ใน
สมเด็จพระราชินีอานาแห่งโรมาเนีย ชีวิตในวัยหนุ่มของพระองค์นั้น ทรงเป็นเจ้าชายมากรัก ทรงเคยคบหากับ
มารี โบนาปาร์ต พระชายาใน
เจ้าชายจอร์จแห่งกรีซและเดนมาร์ก พระญาติร่วมพระราชวงศ์ และพระสหายของพระบิดา แต่ดูเหมือนว่าเจ้าชายจอร์จจะคัดค้านแต่มิได้ทรงรู้สึกใส่พระทัยกับเรื่องนี้ ในปี 2452 พระองค์ทรงเข้าร่วมกองทัพเดนมาร์ก และในปี พ.ศ. 2456 ก็ได้ขึ้นยศร้อยโท ในช่วง
สงครามโลกครั้งที่ 1 ทรงทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์ใน
อิตาลี เป็นเวลาหนึ่งปี และเมื่อเสด็จกลับประเทศเดนมาร์ก จึงได้รับการแต่งตั้งดป็นกัปตันเรือ พระองค์ทรงเสกสมรสกับมาทิลดา คัลวี เด คอนติ ดิ แบร์โกโล (17 กันยายน พ.ศ. 2428 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2492) ธิดาของคาร์โล จอร์โจ ลอเรนโซ คาลวี เคานต์ดิแบร์โกโลที่ 5 กับ บารอเนส อันนา กุยโดโบโน คัลวัลชินี โรเอโร ซาน เซเวริโน ทรงเสกสมรสที่เมือง
ตูริน เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 สองวันต่อมา ทรงสละตำแหน่งในการสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก และสละพระอิสริยยศ "เจ้าชายแห่งเดนมาร์ก" และด้วยพระราชอำนาจของกษัตริย์เดนมาร์ก พระองค์ทรงรับการเฉลิมพระยศ
เจ้าชายออเกอ เคานต์แห่งโรเซินบอร์ก ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 ทรงมีโอรส 1 ท่าน คือพระองค์เองทรงอยู่ในพระราชวงศ์ที่ได้รับการเสนอพระนามรับตำแหน่งพระมหากษัตริย์
ฟินแลนด์ ในปี 2461 พระองค์ตรัสกับ
กุสตาฟ อิดมัน เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำ
เดนมาร์ก ว่า เมื่อเสด็จเยือน
โคเปนเฮเกน ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2461 นายพลชาว
ฟินแลนด์ คาร์ล กุสตาฟ เอมิล มันเนอร์ไฮม์ ได้สอบถามเกี่ยวกับความเต็มใจที่จะรับตำแหน่งนี้ ว่า ทรงยอบรับในปี 2465 ทรงได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระมหากษัตริย์แห่งเดนมาร์ก โดยอ้างตามที่กฎหมายเดนมาร์กกำหนด ให้พ้นจากกองทัพเดนมาร์กเพื่อทรงเข้าร่วมกับกองทัพ
ฝรั่งเศส หลังจากการเจรจาระหว่างรัฐบาล
เดนมาร์ก และ
ฝรั่งเศส ทรงเข้าสู่กองทหารโดยมียศกัปตัน ทรงถูกเชิญองค์ไปยัง
โมร็อกโก ทรงเป็นทหารของฝรั่งเศสใน
สงครามริฟ ภายในหนึ่งปีของการเข้าร่วมกองทัพฝรั่งเศส ทรงได้รับ
เครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์ หลังจากถูกยิงที่พระเพลาซ้าย (ขาซ้าย) ในช่วง 17 ปีของพระองค์ในกองพันทหารฝรั่งเศส ทรงได้รับยศพันโทพระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยโรคเยื่อหุ้มพระปัปผาสะ (ปอด)อักเสบ ใน
ทาซา ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2483 และทรงถูกฝังพระศพไว้ที่กองบัญชาการกองทหารประเทศฝรั่งเศสที่
ซิดิ เบล อับเบส ประเทศแอลจีเรีย