เซลล์รับแสง[1][2][3][4][5](
อังกฤษ: photoreceptor cell) เป็น
เซลล์ประสาท (นิวรอน) พิเศษใน
จอประสาทตาที่มีสมรรถภาพใน
การถ่ายโอนแสงไปเป็นพลังประสาทความสำคัญทางชีวภาพของเซลล์รับแสงก็คือความสามารถในการแปลงแสงที่เห็นได้ไปเป็นสัญญาณที่สามารถเร้ากระบวนการต่าง ๆ ทางชีวภาพจะกล่าวให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือ มี
โปรตีนหน่วยรับแสงในเซลล์ที่ดูดซึม
โฟตอนซึ่งนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในความต่างศักย์ของ
เยื่อหุ้มเซลล์เซลล์รับแสงแบบคลาสิกก็คือ
เซลล์รูปแท่งและ
เซลล์รูปกรวยแต่ละอย่างล้วนแต่ให้ข้อมูลที่ใช้ใน
ระบบการมองเห็นเพื่อสร้างแบบจำลองของโลกภายนอกที่เห็นทางตาเซลล์รูปแท่งนั้นบางกว่าเซลล์รูปกรวย และมีความกระจัดจายไปในจอประสาทตาที่แตกต่างกันแม้ว่า กระบวนการเคมีที่ถ่ายโอนแสงไปเป็นพลังประสาทนั้นคล้ายคลึงกัน
[6] มีการค้นพบเซลล์รับแสงประเภทที่สามในช่วงคริสต์
ทศวรรษ 1990
[7] ซึ่งก็คือ photosensitive
retinal ganglion cell เป็นเซลล์ที่ไม่ได้มีส่วนให้เกิดการเห็นโดยตรง แต่เชื่อกันว่า มีส่วนช่วยในระบบควบคุมจังหวะรอบวัน (circadian rhythms) และปฏิกิริยาปรับรูม่านตาแบบ
รีเฟล็กซ์เซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยมีหน้าที่แตกต่างกัน คือเซลล์รูปแท่งไวแสงเป็นพิเศษ มีปฏิกิริยาต่อ
โฟตอนเพียงแค่ 6 อนุภาค
[8] ดังนั้น ในที่มีระดับแสงต่ำ การเห็นเกิดจากสัญญาณที่มาจากเซลล์รูปแท่งเท่านั้นซึ่งอธิบายว่า ทำไมเราจึงไม่สามารถเห็นภาพสีได้ในที่สลัว ซึ่งก็คือเพราะมีแต่เซลล์รูปแท่งเท่านั้นที่ทำงานได้ในระดับแสงนั้น และเซลล์รูปกรวยเป็นส่วนที่ทำให้เกิดการเห็นภาพสีส่วนเซลล์รูปกรวยต้องใช้แสงระดับที่สูงกว่ามาก (คือต้องมีโฟตอนมากระทบมากกว่า) ก่อนที่จะเกิดการทำงานในมนุษย์ มีเซลล์รูปกรวยสามประเภทจำแนกโดยการตอบสนองต่อ
ความยาวคลื่นแสงที่ต่าง ๆ กันการเห็นสี (ในภาพ) เป็นการประมวลผลจากสัญญาณที่มาจากเซลล์รูปกรวยสามประเภทเหล่านี้ โดยน่าจะผ่านกระบวนการ opponent process
[9] เซลล์รูปกรวยสามอย่างนี้ตอบสนอง (โดยคร่าว ๆ) ต่อแสงที่มีความยาวคลื่นขนาดสั้น (S) ขนาดกลาง (M) และขนาดยาว (L)ให้สังเกตว่า การยิงสัญญาณของเซลล์รับแสงนั้นขึ้นอยู่เพียงกับจำนวน
โฟตอนที่ได้รับเท่านั้น (กำหนดโดยทฤษฎี principle of univariance)ส่วนการตอบสนองที่ต่าง ๆ กันของเซลล์รูปกรวยขึ้นอยู่กับความเป็นไปได้ของโปรตีนรับแสงของเซลล์ที่จะดูดซึมแสงที่ความยาวคลื่นนั้น ๆ ยกตัวอย่างเช่น เซลล์รูปกรวยแบบ L มีโปรตีนรับแสงที่ดูดซึมแสงที่มีความยาวคลื่นขนาดยาว (หรือออกสีแดง ๆ)แม้ว่า แสงที่มีความยาวคลื่นสั้นกว่าอาจจะทำให้เกิดการตอบสนองในระดับเดียวกัน แต่จะต้องเป็นแสงที่สว่างกว่ามาก
จอประสาทตามมนุษย์มีเซลล์รูปแท่งประมาณ 120 ล้านเซลล์ และมีเซลล์รูปกรวยประมาณ 6 ล้านเซลล์สัตว์ต่าง ๆ
สปีชีส์มีอัตราส่วนของเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า เป็นสัตว์กลางวันหรือสัตว์กลางคืนนอกจากเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยแล้ว ยังมี
retinal ganglion cell (ตัวย่อ RGC) ประมาณ 1.5 เซลล์ในมนุษย์ และมี 1-2% ที่ไวแสงบทความนี้กล่าวถึงเซลล์รับแสงของ
สัตว์มีกระดูกสันหลังเซลล์รับแสงของ
สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง เช่นแมลงและ
มอลลัสกามีความแตกต่างจากสัตว์มีกระดูกสันหลังทั้งในโครงสร้างและในกระบวนการเคมีชีวภาพ