เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ
เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง (
อังกฤษ: Moon Festival
[1], Mid-Autumn Festival;
จีนตัวเต็ม: 中秋節;
จีนตัวย่อ: 中秋节;
พินอิน: zhōngqiū jié;
เวียดนาม: Tết Trung Thu) เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีขึ้นในกลาง
ฤดูใบไม้ร่วง เพื่อเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว จะมีขึ้นในคืน
วันเพ็ญเดือน 8 ตาม
ปฏิทินจันทรคติ (
กันยายนตาม
ปฏิทินสากล)ในเทศกาลนี้
ชาวจีนจะเฉลิมฉลองด้วยการไหว้
ดวงจันทร์ในเวลา
กลางคืน ในบางประเทศ เช่น
สิงคโปร์ หรือ
เวียดนาม[2] จะจัดเป็นประเพณีใหญ่ มีการเฉลิมฉลองด้วยโคมไฟสีแดง
[3] เป็นสีสันยามค่ำคืน หรือบางแห่งอาจมีการเชิดมังกร
[4] ทั้งนี้จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไปตามแต่ท้องถิ่น นอกจากนี้แล้ว ยังมี
ขนมชนิดหนึ่ง เรียกว่า "
ขนมไหว้พระจันทร์" (月饼) ที่มีสันฐานกลมคล้าย
ขนมเค้ก ทำจากแป้ง มีไส้ต่าง ๆ เป็น
ธัญพืช ใช้เซ่นไหว้และรับประทานกันจนเป็นเอกลักษณ์สำหรับเทศกาลนี้
[1]ที่มาของเทศกาลแบ่งเป็นสองส่วนคือ ในส่วนของราชสำนักและส่วนของชาวบ้านนี้ ในส่วนของราชสำนักถือเป็นพระราชพิธีหลวงที่
จักรพรรดิจีนโบราณ จะทรงประกอบพระราชพิธีบวงสรวง
สักการะบูชา
ไท้อิมแชกุน(พระจันทร์เทวี) ซึ่งต้องกระทำเป็นทางราชการประจำปี ณ ที่บูชาด้านทิศตะวันตกของกรุงปักกิ่ง ประมาณวันที่ 22 หรือ 23 กันยายน ตามปฎิทินจีน โดยถือเป็นพระราชพิธหลักของราชสำนักจีนโบราณรวมกับพิธีบูชาฟ้า ดิน พระอาทิตย์ และพระจันทร์ดังกล่าวมีมานานก่อนสมัยของ
ขงจื๊อ แต่ขงจื๊อเล็งเห็นคุณประโยชน์ต่อจิตใจ จึงรวบรวมประเพณีพิธีกรรมเหล่านี้ไว้ในตำราของท่าน กลายเป็นส่วนหนึ่งของ
ศาสนาขงจื๊อไปด้วย โดยถึงแม้จะระบบราชสำนักจีนโบราณจะสิ้นสุดแล้ว แต่ธรรมเนียมประเพณีการไหว้พระจันทร์แบบราชสำนักยังคงต่อมาและรักษาด้วย
ลัทธิเต๋าและ
ศาสนาพื้นบ้านจีนในปัจจุบัน
[5] [6]และเป็นพื้นฐานของหยินหยางใน
โหราศาสตร์จีนและ
ดวงจีน[7] ในส่วนของชาวบ้านเกี่ยวกับเทพปกรณัมจีนที่เล่าถึง
เทพธิดาแห่งดวงจันทร์ นามว่า "
ฉางเอ๋อ" (嫦娥) ซึ่งเป็นหญิงคนรักของ
โฮวอี้ นักยิงธนูแห่งสวรรค์ ที่ใช้ธนูยิงดวงอาทิตย์ตกลงไปถึง 9 ดวงจากทั้งหมด 10 ดวง ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนบัญชาสวรรค์ จึงโดนลงทัณฑ์ให้ไปใช้ชีวิตธรรมดาเช่นมนุษย์ทั่วไปบนโลกมนุษย์กับฉางเอ๋อ แต่แล้วโฮวอี้ก็ถูกคนสนิททรยศฆ่าตาย ส่วนฉางเอ๋อนางได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อที่จะมีชีวิตอมตะ แล้วเหาะกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งตามลำพังด้วยความเศร้าสร้อย ในยุคของ
ฮั่นเหวินตี้ (漢文帝) แห่ง
ราชวงศ์ฮั่น ได้ทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบกับฉางเอ๋อกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ในสุบินนั้น พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและโปรดให้สุบินนั้นเป็นความจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อที่พระองค์ได้พบเจอมา จนแพร่หลายไปสู่ราษฎรและเป็นประเพณีมา ซึ่งในอดีต ชาวจีนโดยเฉพาะหญิงสาวจะสวดขอพรจากฉางเอ๋อเพื่อที่ขอให้มีความเยาว์วัยและงดงามตลอดไปดุจดั่งนาง
[4]