อาร์เธอร์ เนวิล เชมเบอร์ลิน (
อังกฤษ: Arthur Neville Chamberlain) เป็นนักการเมือง
พรรคอนุรักษนิยมชาวอังกฤษ เป็นนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักรตั้งแต่พฤษภาคม ค.ศ. 1937 ถึงพฤษภาคม ค.ศ. 1940 เชมเบอร์ลินเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดจาก
นโยบายจำยอมสละของเขา นโบบายนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสาเหตุทำให้นาซีเยอรมนีเข้มแข็งเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงนาม
ความตกลงมิวนิกของเขาในปี 1938 ซึ่งยอมยกภูมิภาค
ซูเดเทินลันท์ซึ่งประชากรพูดภาษาเยอรมันใน
ประเทศเชโกสโลวาเกียให้แก่
เยอรมนี ทว่าเมื่อ
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ยังคงก้าวร้าวโดย
บุกครองโปแลนด์ บริเตนจึงประกาศสงครามต่อเยอรมนีเมื่อวันที่ 3 กันยายน 1939 และเชมเบอร์ลินนำบริเตนผ่านแปดเดือนแรกของ
สงครามโลกครั้งที่สองหลังทำงานในธุรกิจและการปกครองส่วนท้องถิ่นและให้หลังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการราชการแห่งชาติช่วงสั้น ๆ ในปี 1916-1917 เชมเบอร์ลินตามบิดา โจเซฟ เชมเบอร์ลิน และพี่ชายต่างมารดา ออสเตน เชมเบอร์ลิน เป็นสมาชิกรัฐสภาในการเลือกตั้งทั่วไปปี 1918 ขณะอายุได้ 49 ปี เขาปฏิเสธตำแหน่งรัฐมนตรีผู้น้อย โดยคงเป็นผู้นั่งที่นั่งหลัง (backbencher) จนปี 1922 เขาได้รับเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วในปี 1923 เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แล้วเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หลังรัฐบาลที่มีพรรคแรงงานนำอายุสั้น เขากลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ริเริ่มมาตรการปฏิรูปต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 1924 ถึง 1929 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในรัฐบาลแห่งชาติในปี 1921เมื่อสแตนลีย์ บอล์ดวินเกษียณในเดือนพฤษภาคม 1937 เชมเบอร์ลินสืบตำแหน่งเขาเป็นนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งของเขาถูกครอบงำโดยปัญหานโยบายต่อประเทศเยอรมนีที่ก้าวร้าวเพิ่มขึ้น และการปฏิบัติของเขาที่มิวนิกเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ชาวอังกฤษในเวลานั้น เมื่อฮิตเลอร์ยังคงก้าวร้าวต่อ เชมเบอร์ลินปฏิญาณจะพิทักษ์เอกราชของโปแลนด์หากโปแลนด์ถูกโจมตี ซึ่งเป็นพันธมิตรที่นำบริเตนเข้าสู่สงครามเมื่อเยอรมนีโจมตีโปแลนด์ในปี 1939เชมเบอร์ลินลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 1940 หลัง
ฝ่ายสัมพันธมิตรถูกต้อนให้ถอยจากนอร์เวย์ เพราะเขาเชื่อว่ารัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกพรรคการเมืองสำคัญ และพรรคแรงงานและอนุรักษนิยมจะไม่เข้าร่วมรัฐบาลที่เขาเป็นหัวหน้า วินสตัน เชอร์ชิลสืบตำแหน่งเขาแต่เขายังเป็นที่เคารพอยู่มากในรัฐสภาโดยเฉพาะในหมู่อนุรักษนิยม สุขภาพที่ทรุดโทรมจากโรคมะเร็งทำให้เขาต้องลาออกในเวลาต่อมา เชมเบอร์ลินเป็นสมาชิกสำคัญในคณะรัฐมนตรีฝ่ายสงครามของเชอร์ชิล โดยเป็นหัวหน้าเมื่อเชอร์ชิลไม่อยู่ เชมเบอร์ลินถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรค
มะเร็งลำไส้ใหญ่หกเดือนหลังลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี