เหมียว เฉียวเหว่ย (
จีนตัวย่อ: 苗侨伟;
จีนตัวเต็ม: 苗僑偉;
พินอิน: Miáo Qiáowěi;
กวางตุ้ง: Miu4 Kiu4-wai5 มี่ว คี่วไหว) นักแสดงชายชาว
ฮ่องกงที่อดีตเคยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักระดับเอเชียอีกคนหนึ่ง และมีชื่อ
ภาษาอังกฤษว่า
ไมเคิล เหมียว เขามีชื่อเสียงเป็นอย่างมากจากการเป็นนักแสดงนำในสังกัดของ
สถานีโทรทัศน์ทีวีบี โดยเฉพาะในช่วง
ทศวรรษที่ 80 และยังเป็นอดีตหนึ่งในนักแสดงชายกลุ่มดาวรุ่ง
5 พยัคฆ์ทีวีบี ซึ่งประกอบด้วย
หวง เย่อหัว, เหมียว เฉียวเหว่ย,
หลิว เต๋อหัว,
ทัง เจิ้นเยี่ย และ
เหลียง เฉาเหว่ย เขามีผลงานการแสดงมากมาย แต่บทบาทของเขาที่ผู้คนประทับใจมากที่สุดและยังคงเป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้คือ บทบาท
เอี๊ยคัง ใน
มังกรหยก (ฉบับปีพ.ศ. 2526)เหมียวเฉียวเหว่ย เป็น
ชาวจีนโดยกำเนิด เขาเกิดที่ท่าเรือ
โจวซาน(舟山港)
มณฑลเจ้อเจียง เมื่อปีพ.ศ. 2501 และเป็นบุตรคนสุดท้องในครอบครัวที่มีฐานะดี ต่อมาได้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ที่
ฮ่องกง และได้ศึกษาต่อที่นั้นแต่แล้วในช่วงที่กำลังศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลายเขาต้องออกจากการเรียนกลางคัน เพราะพ่อของเขาป่วยหนักเป็นโรคมะเร็งจนต้องออกจากงานประจำที่ทำอยู่และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่มากมายเป็นผลให้ทางครอบครัวได้ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนัก และเขาต้องหางานทำเพื่อช่วยเหลือครอบครัวโดยไปเป็นลูกจ้างในร้าน
เฟอร์นิเจอร์โบราณแห่งหนึ่งเป็นระยะเวลาเกือบสามปี แต่เนื่องจากเงินเดือนที่ไม่เยอะทำให้เขาเริ่มมองหาลู่ทางอื่น จนได้มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงโดยการสมัครเข้าอบรมเป็นนักแสดงกับ
สถานีโทรทัศน์ทีวีบีในรุ่นที่ 9 เมื่อปีพ.ศ. 2523 และเรียนจบการแสดงในปีถัดมา โดยเริ่มงานทางด้านการแสดงเป็นตัวประกอบในซีรีส์ดัง ๆ หลายต่อหลายเรื่อง จนมาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในฐานะดารานำกับบทบาทตัวร้าย ในบท
โอวหยังกัง จากละครเรื่อง
เหยี่ยวถลาลม (พ.ศ. 2524) และนับตั้งแต่นั้นเขาก็มีผลงานออกมาให้ชมมากมาย แต่บทบาทการแสดงทางด้านละครที่เป็นที่จดจำของผู้ชมได้มากที่สุด คือ บทบาท
เอี๊ยคัง ในละครเรื่อง
มังกรหยก (ฉบับปีพ.ศ. 2526) และ บทบาท
ชอลิ้วเฮียง ในละครเรื่อง
ชอลิ้วเฮียง ตอน ถล่มวังค้างคาว (พ.ศ. 2527)ในช่วงที่เขาโด่งดังเคยคบหาดูใจกับดารานักร้องชื่อดัง
เหมยเยี่ยนฟาง ในช่วงระยะสั้น ๆ แต่ไม่นานทั้งสองก็เลิกกัน และเขายังเคยมีข่าวลือว่าได้มีความสัมพันธ์รักกับดาราสาวชื่อดัง
องเหม่ยหลิง แต่นั้นเป็นแค่ข่าวลือในปีพ.ศ. 2530 ในขณะที่เขายังคงโลดแล่นอยู่ในวงการ แต่แล้ว เหมียวเฉียวเหว่ยได้ตัดสินใจทำธุรกิจแว่นตากับหุ้นส่วนโดยมีแบรนด์แว่นตาเป็นของตัวเอง ต่อมาเมื่อเขาหมดสัญญาการแสดงกับสถานีโทรทัศน์ทีวีบีในราวกลางปีพ.ศ. 2531 เขาได้ตัดสินใจหยุดรับงานแสดงทางด้านละครเพื่อหันไปทุมเทให้กับธุรกิจแว่นตาอย่างเต็มที่ ทำให้ความนิยมในตัวเขาลดลง แต่ทว่าเขายังคงรับงานแสดงทางด้านภาพยนตร์อยู่บ้างประปรายซึ่งบทบาทของเขาในภาพยนตร์เหล่านั้นกลับไม่ได้นำพาชื่อเสียงให้กับเขาเหมือนงานละคร จนในที่สุดเขาก็ถอนตัวออกจากวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวเมื่อปีพ.ศ. 2539 สวนทางกับธุรกิจแว่นตาของเขาที่กลับประสบความสำเร็จรุ่งเรืองเป็นอย่างมากจนมีสาขาน้อยใหญ่มากมายทั้งในฮ่องกงและต่างประเทศต่อมาเขาได้ตัดสินใจเซ็งธุรกิจแว่นตาไปเมื่อปีพ.ศ. 2545 ให้กับ
ชาวออสเตรเลียและได้กำไรเป็นกอบเป็นกำจนทำให้เขากลายเป็นเศรษฐีผู้มั่งคั่งคนหนึ่งและกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอีกครั้งในปีพ.ศ. 2547 มาจนถึงปัจจุบัน โดยรับบทนำเป็นทั้งตัวเอก, รับเชิญ และตัวประกอบเนื่องจากอายุที่มากขึ้นนั้นเองผลงานระยะหลังของเขาที่พอจะเป็นที่รู้จัก กลับเป็นผลงานทางด้าน
ภาพยนตร์ ได้แก่ "
เกิดมาโหดตามพินัยกรรม ภาค 2"(Brothers 2007) ในปีพ.ศ. 2550 ซึ่งเป็นโปรเจกต์ของ
หลิวเต๋อหัว ที่นำนักแสดงอดีตกลุ่ม
ห้าพยัคฆ์ทีวีบี ทั้ง 4คน(ขาดแค่ เหลียงเฉาเหว่ย) กลับมาแสดงร่วมกันอีกครั้ง โดยมี เหมียวเฉียวเหว่ย รับบทเป็นพี่ชายคนโตชีวิตส่วนตัว
สมรสกับ
ชี เหม่ยเจิน ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2533 ซึ่งภรรยาของเขาก็เป็นนักแสดงในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ทีวีบีด้วยเช่นกัน ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 2 คน เป็น
ชาย (คนเล็ก) และ
หญิง (คนโต)