บทความนี้ใช้ระบบคริสต์ศักราช เพราะอ้างอิงคริสต์ศักราชและคริสต์ศตวรรษ หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
โรคหัวใจร่วมหลอดเลือด[1]หรือ
โรคหัวใจและหลอดเลือด[2](
อังกฤษ: Cardiovascular disease ตัวย่อ CVD)เป็นกลุ่มโรคเกี่ยวกับ
หัวใจหรือ
หลอดเลือด[3]คือเป็นโรคที่มีผลต่อ
ระบบหัวใจและหลอดเลือด[4]รวมทั้งกลุ่ม
โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (coronary artery disease) เช่น
อาการปวดเค้นหัวใจ (angina) และ
กล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (myocardial infarction)
[3]ตลอดจน
โรคหลอดเลือดสมอง, โรคหัวใจเหตุความดันสูง (hypertensive heart disease), โรคหัวใจเหตุ
ไข้รูมาติก (rheumatic heart disease), โรคกล้ามเนื้อหัวใจ (cardiomyopathy), ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (heart arrhythmia), โรคหัวใจแต่กำเนิด (congenital heart disease), โรคลิ้นหัวใจ (valvular heart disease), หัวใจอักเสบ (carditis),
ท่อเลือดแดงโป่งพอง (aortic aneurysm),
โรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย (peripheral artery disease) และภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดดำ (venous thrombosis)
[3][5]กลไกของโรคจะขึ้นอยู่กับเหตุ โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย จะมีภาวะ
หลอดเลือดแดงแข็งซึ่งอาจมีเหตุจาก
ความดันสูง การสูบบุหรี่ โรคเบาหวาน การไม่
ออกกำลังกาย โรคอ้วน คอเลสเตอรอลในเลือดสูง ทานอาหารไม่ถูกต้อง การดื่ม
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกิน เป็นต้นการเสียชีวิตเพราะ CVD เกิดจากความดันสูง 13%, การสูบบุหรี่ 9%, โรคเบาหวาน 6%, การไม่ออกกำลังกาย 6% และโรคอ้วน 5%โรคหัวใจเหตุไข้รูมาติกอาจเนื่องกับ
คอหอยอักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสที่ไม่รักษา
[3]กรณี 90% ของโรคประเมินว่าป้องกันได้
[6]หลอดเลือดแดงแข็งสามารถป้องกันโดยลดปัจจัยเสี่ยง เช่น ทานอาหารให้ถูกสุขภาพ ออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
[3]การรักษาความดันสูงและโรคเบาหวานก็มีประโยชน์ด้วย
[3]การรักษาคอหอยอักเสบจากเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสด้วย
ยาปฏิชีวนะสามารถลดความเสี่ยงโรคหัวใจเหตุไข้รูมาติก
[7]การทานยา
แอสไพรินเพื่อป้องกันล่วงหน้ามีประโยชน์ไม่ชัดเจนสำหรับผู้มีสุขภาพดี
[8][9]และคณะทำงานป้องกันเฉพาะกิจของสหรัฐ (USPSTF) ก็แนะนำไม่ให้ทำสำหรับหญิงอายุน้อยกว่า 55 ปี และสำหรับชายอายุน้อยกว่า 45 ปีแต่แนะนำสำหรับผู้สูงอายุกว่านั้นเป็นบางพวก
[10]การรักษาโรคจะทำให้ได้ผลดีกว่าไม่รักษา
[3]โรคเป็นเหตุของการเสียชีวิตอันดับแรก ๆ ในโลก
[3]โดยรวมภูมิประเทศทุกแห่งยกเว้น
แอฟริกา[3]ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17.3 ล้านคน (31.5%) ในปี 2013 เพิ่มจาก 12.3 ล้านคน (25.8%) ในปี 1990
[5]การเสียชีวิตเพราะโรคมากขึ้นเรื่อย ๆ ใน
ประเทศกำลังพัฒนาโดยมากในขณะที่ได้ลดลงใน
ประเทศพัฒนาแล้วตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1970
[4][11]โรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองเป็นเหตุในกรณี 80% ของโรคกลุ่มนี้ในชาย และ 75% ในหญิง
[3]โรคโดยมากมีผลต่อผู้สูงอายุในสหรัฐ ประชากร 11% อายุระหว่าง 20-40 ปีมีโรค, 37% ระหว่าง 40-60 ปีมีโรค, 71% ระหว่าง 60-80 ปีมีโรค และ 85% ของผู้มีอายุมากกว่า 80 ปีมีโรค
[12]อายุเฉลี่ยที่เสียชีวิตเนื่องกับโรคอยู่ราว ๆ 80 ปี ในประเทศพัฒนาแล้วและ 68 ปีในประเทศกำลังพัฒนา
[4]โรคปกติจะเริ่ม 7-10 ปีในชายก่อนหญิง
[13]