ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาจีนกลาง ภาษาญี่ปุ่น[1] [lower-alpha 1]โรงเรียนอัสสัมชัญ (บ้างเรียก
อัสสัมชัญบางรัก หรือ
อัสสัมชัญกรุงเทพ, ย่อ: อสช, AC) เป็นโรงเรียนเอกชนชายล้วนขนาดใหญ่ในกลุ่ม
จตุรมิตรสามัคคี ซึ่งประกอบด้วย
โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย,
โรงเรียนเทพศิรินทร์, โรงเรียนอัสสัมชัญ และ
โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โรงเรียนแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
แผนกประถม ซึ่งตั้งอยู่ในซอยสาทร 11
ถนนสาทรใต้ และแผนกมัธยม ซึ่งตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 40
ถนนเจริญกรุง เขตบางรักโรงเรียนอัสสัมชัญ ได้รับการสถาปนาอย่างเป็นทางการขึ้นโดยบาทหลวง
เอมิล ออกัสต์ กอลมเบต์ เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2428 ที่ใช้เรือนไม้ขนาดเล็ก เป็นที่สอนหนังสือแก่เด็กยากจน และกำพร้า
[2] จนเมื่อมีนักเรียนเข้าศึกษาเพิ่มมากขึ้น บาทหลวงกอลมเบต์จึงได้ขอเรี่ยไรเงินบริจาคเพื่อสร้างอาคารเรียนถาวรซึ่งก็คือ "ตึกเก่า" ขึ้นเป็นหลังแรกของโรงเรียน ในปี พ.ศ. 2444 ภราดา 5 ท่าน โดยการนำของภราดามาร์ติน เดอ ตูรส์ ภราดาอาแบล ภราดาออกุสต์ ภราดาคาเบรียล เฟอร์เร็ตตี และภราดา
ฟ. ฮีแลร์ ได้เดินทางมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อสานต่องานด้านการศึกษาจากบาทหลวงกอลมเบต์ ทำให้โรงเรียนอัสสัมชัญ กลายเป็นโรงเรียนแห่งแรกในเครือ
คณะภราดาเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบด้วย
โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย โรงเรียนเซนต์หลุยส์ และโรงเรียนที่ใช้คำนำหน้าว่า "อัสสัมชัญ" ด้วยกัน 11 แห่ง และ
มหาวิทยาลัย 1 แห่ง[3]ภายหลังการเข้ามาของคณะภราดาเซนต์คาเบรียลทั้งห้า โรงเรียนอัสสัมชัญได้พัฒนาการไปสู่สถานศึกษาของชนชั้นกลางถึงชั้นเจ้านายมากกว่าจะเป็นโรงเรียนของเด็กเข้ารีตหรือลูกกำพร้าตามวัตถุประสงค์เดิมที่บาทหลวงกอลมเบต์ ได้ตั้งไว้ตั้งแต่เริ่ม
[4] อนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผล คือ การเรียนการสอนซึ่งเป็นแบบตะวันตกในขณะนั้น และทำเลที่ตั้งซึ่งตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจสำคัญ นับจากอดีตจนถึงปัจจุบันโรงเรียนมี
อธิการมาแล้ว 17 คน อธิการคนปัจจุบัน คือ ภราดาวิริยะ ฉันทวโรดม ส่วนผู้อำนวยการโรงเรียนคือ ภราดา ดร.ศักดา สกนธวัฒน์ (ตำแหน่ง อธิการ เปลี่ยนเป็นผู้อำนวยการ นับตั้งแต่ ภราดาอานันท์ ปรีชาวุฒิ ดำรงตำแหน่งในปี พ.ศ. 2554 เป็นต้นมา)แต่เดิมโรงเรียนชื่อ "โรงเรียนอาซมซาน กอเล็ศ" ซึ่งแปลมาจากภาษาฝรั่งเศสของคำว่า "Le Collège de l'Assomption" จนในปี พ.ศ. 2453 ภราดาฮีแลร์จึงได้แจ้งไปทางกรมการศึกษาเพื่อขอเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนอาศรมชัญ" แต่
พระยาวิสุทธิสุริยศักดิ์ อธิบดีกรมศึกษาขณะนั้น แนะนำว่าควรเปลี่ยนชื่อเป็น "โรงเรียนอัสสัมชัญ" ซึ่งกลายเป็นชื่อที่ใช้มาจวบจนถึงทุกวันนี้
[5]โรงเรียนอัสสัมชัญ เป็นผู้บุกเบิกการ
แปรอักษรที่นำเข้ามาใช้ในการทำเชียร์ครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นแนวคิดของมาสเตอร์
เฉิด สุดารา จนในเวลาต่อมา ก็ได้มีการเผยแพร่ไปสู่การแปรอักษรทั้งในงาน
จตุรมิตรสามัคคี และ
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์[6]ปัจจุบันโรงเรียนมีอายุ 135 ปี เป็นโรงเรียนชายที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ
[7] และเป็นโรงเรียน
โรมันคาทอลิกแห่งแรกของประเทศ
[8] มี
ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันรวมแล้วกว่า 5 หมื่นคน ซึ่งคนที่จบจากโรงเรียนอัสสัมชัญจะใช้คำว่า "อัสสัมชนิก"
[9] โรงเรียนอัสสัมชัญมีศิษย์เก่าที่เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแขนงต่าง ๆ ทั้ง
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ 2 คน,
องคมนตรี 15 คน
[10] นายกรัฐมนตรี 4 คน
[11] และ
นักธุรกิจ ผู้บริหารอีกหลายคน จากการจัดอันดับหัวข้อ "มหาเศรษฐีในไทยประจำปี 2016" ของ
ฟอร์บส์ประเทศไทย โดยเพียง 10 อันดับแรกก็มีบุคคลหรือทายาทในตระกูลที่เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมขัญ ติดอันดับรวม 3 อันดับด้วยกัน
[12][13]