ปลาสังกะวาด หรือ
ปลายอน เป็น
สกุลของ
ปลากระดูกแข็งใน
อันดับปลาหนังจำพวกหนึ่ง ใน
วงศ์ปลาสวาย (Pangasiidae) ที่มีจำนวนสมาชิกมากที่สุด โดยพบแล้วประมาณ 26
ชนิด[1] ใช้ชื่อสกุลว่า Pangasiusมีรูปร่างโดยรวม คือ ลำตัวลื่นไม่มีเกล็ด หัวโต ตามีขนาดเล็ก ปากกว้าง รูจมูกคู่หลังอยู่ใกล้รูจมูกคู่หน้ามากกว่านัยน์ตา และอยู่เหนือระดับขอบบนของลูกนัยน์ตา มีหนวด 2 คู่สั้นหรือยาวแล้วแต่ชนิด (ริมปากบน 1 คู่ และคาง 1 คู่) มีฟันที่กระดูกเพดานปากชิ้นกลางและชิ้นข้าง แต่ในบาง
ชนิดอาจหดหายไปเมื่อปลามีอายุมากขึ้น รูปร่างอ้วนป้อม ครีบทั้งหมดโดยเฉพาะครีบหลังและครีบอกตั้งชี้ตรง และมีก้านแข็ง นัยน์ตาอยู่เหนือระดับมุมปากเล็กน้อย ท้องไม่เป็นสันคม ครีบท้องมีก้านครีบแขนง 6 ก้าน
[2] มีขนาดรูปร่างที่แตกต่างออกไปตั้งแต่ 1
ฟุต ไปจนถึงเกือบ 3
เมตร แต่โดยทั่วไปจะมีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 1-1.5
เมตรเป็นปลาที่กินได้ทั้ง
เนื้อและ
พืชเป็นอาหาร รวมถึงซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยด้วย มีพฤติกรรมชอบอยู่เป็นฝูง ใน
แม่น้ำและลำ
คลองสายใหญ่ พบตั้งแต่
อนุทวีปอินเดียจนถึงภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในส่วนที่เป็น
แผ่นดินใหญ่และ
หมู่เกาะเป็นปลาที่มีความสำคัญต่อ
มนุษย์ในแง่ของการเป็น
ปลาเศรษฐกิจ ใช้
บริโภค ซึ่งมีการวิจัยพบว่าเนื้อปลาในสกุลนี้ มีสาร
โอเมกา 3 สูงกว่า
ปลาทะเลเสียอีก
[3] นอกจากนี้ยังใช้ตกเป็น
เกมกีฬา และเลี้ยงเป็น
ปลาสวยงามในบางชนิดใน
ภาษาไทยจะเรียกปลาในสกุลนี้โดยรวมว่า "สวาย" ในปลาที่มีขนาดใหญ่
[4] และในปลาที่มีขนาดเล็กมักจะเรียกรวม ๆ กันว่า "สังกะวาด" หรือ "สังกะวัง"
[5] ซึ่งซ้ำซ้อนกับปลาใน
วงศ์ปลาหวีเกศ (Schilbeidae) สำหรับใน
ภาษาอีสานจะเรียกว่า "ยอน" หรือ "ซวย"ในปัจจุบัน มีการ
ผสมพันธุ์ข้ามชนิดและข้ามสกุลกัน จนได้เป็นลูกปลาพันธุ์ผสมชนิดใหม่ที่ให้ผลผลิตดี โดยใช้ชื่อในทางการค้าว่า "ปลามรกต" หรือ "เขียวมรกต" นิยมเลี้ยงกันมากโดยเฉพาะใน
ภาคอีสานของ
ไทย[6] และในปัจจุบันนิยมทำเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อปลาสำเร็จรูป ในชื่อ "แพนกาเชียส ดอรี่"