ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2556 เป็นฤดูกาลในอดีตที่เคยมีการก่อตัวของ
พายุหมุนเขตร้อนใน
มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก ฤดูกาลดังกล่าวจะลากยาวตลอด พ.ศ. 2556 โดยพายุหมุนส่วนใหญ่จะก่อตัวขึ้นระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่มีกิจกรรมของพายุหมุนเขตร้อนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2547 และยังเป็นฤดูกาลที่สร้างความเสียหายมากที่สุดนับตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2518 ฤดูกาลนี้มีจำนวนพายุมากกว่าค่าเฉลี่ย โดยมีพายุโซนร้อน 31 ลูก ในจำนวนนี้พัฒนาขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่น 13 ลูก และในจำนวนพายุไต้ฝุ่นมี 5 ลูกที่เป็นพายุซูเปอร์ไต้ฝุ่น พายุที่ได้รับชื่อลูกแรกของฤดูกาลชื่อ โซนามู ก่อตัวขึ้นในวันที่ 4 มกราคม ส่วนพายุลูกสุดท้ายที่ได้รับชื่อของฤดูกาลชื่อ โพดุล สลายตัวเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พายุไต้ฝุ่นซูลิกในเดือนกรกฎาคมเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่ทรงพลัง ที่สุดที่ส่งผลกระทบกับ
ประเทศไต้หวันในฤดูกาลนี้ ต่อมาในเดือนสิงหาคม พายุไต้ฝุ่นอูตอร์ สร้างความเสียหายกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 97 คน กลายเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากเป็นอันดับสองของปี 2556 ในประเทศฟิลิปปินส์ พายุจำนวนสามลูกในเดือนสิงหาคม ได้แก่ เปวา, อูนาลา และ 03C เคลื่อนตัวข้าม
เส้นแบ่งเขตวันสากลจากแอ่งแปซิฟิกกลางเข้ามาภายในแอ่งนี้ ส่วน
พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเป็นพายุไต้ฝุ่นที่สร้างหายนะให้กับ
ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิตจากพายุกว่า 6,300 คนขอบเขตของบทความนี้จำกัดเฉพาะมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร ระหว่างเมอริเดียนที่ 100 และ 180 ตะวันออก ในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ มีสองหน่วยงานที่กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งอาจเป็นผลให้พายุลูกหนึ่งมีสองชื่อ
กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) จะตั้งชื่อพายุถ้าพายุลูกนั้นมีความเร็วลมที่รอบศูนย์กลางพายุที่สูงสุด 10 นาที อย่างน้อย 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดในแอ่ง ขณะที่
สำนักงานบริหารบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์แห่งฟิลิปปินส์ (PAGASA) กำหนดชื่อพายุหมุนซึ่งเคลื่อนเข้าสู่หรือก่อตัวขึ้นเป็นดีเปรสชันเขตร้อนในพื้นที่รับผิดชอบของสำนักงานฯ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างลองติจูด 135 และ 115 องศาตะวันออก และระหว่างละติจูด 5 ถึง 25 องศาเหนือ แม้พายุนั้นจะมีชื่อที่กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นตั้งแล้วก็ตาม นอกจากนี้พายุดีเปรสชันเขตร้อนซึ่งถูกเฝ้าติดตามโดย
ศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วม (JTWC) ของสหรัฐยังได้รับการกำหนดหมายเลขและเติมตัวอักษร "W" ต่อท้ายเป็นรหัสเรียกด้วย