เบื้องหลังและคำวิจารณ์ ของ 2_คมล่าถล่มเมือง

Cold War ได้โครงมาจากเหตุการณ์ครั้งที่สหรัฐอเมริกากำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งในขณะนั้นไม่ว่าจะเป็น บารัค โอบามา, จอห์น แมคเคน หรือว่า ฮิลลารี คลินตัน ทุกคนเป็นคู่แข่งทางการเมืองแต่ละคนก็มีดีกรีสูสีกันไม่มีใครด้อยไปกว่าใคร ผู้สร้างจึงรู้สึกประทับใจอย่างมากที่คู่แข่งเหล่านี้เคารพในสิทธิซึ่งกันและกัน แม้ว่าแต่ละคนต้องใช้กลยุทธ์การต่อสู้ในการหาเสียงที่ต้องพูดเอาดีเข้าตัว แต่ละคนก็มีสปิริตที่ดี ไม่สาดโคลนให้คู่แข่งขัน จึงได้ดัดแปลงเรื่องราวทั้งหมดมาใส่ไว้ในกรมตำรวจฮ่องกง[3]

โดยภาพยนตร์ได้นักแสดงที่มีชื่อเสียงมากมายมาร่วมแสดง รวมทั้งนักแสดงสมทบที่ปรากฏตัวเพียงไม่กี่ฉากอย่าง หลิว เต๋อหัว และไมเคิล หว่อง ด้วย เมื่อออกฉาย ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งในฮ่องกง, จีน และไต้หวัน จนกล่าวว่าเป็นภาพยนตร์ฮ่องกงที่ดีที่สุดในรอบ 10 ปี และได้รับเกียรติให้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน ที่เกาหลีใต้[1] และทำรายได้มากกว่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกงในการฉายเพียงไม่กี่สัปดาห์ จนกระทั่งกัว ฟู่เฉิ่ง นักแสดงในเรื่องที่รับบท หลิว ฉีฮวย ตอบรับในการรับบทต่อไปในภาคที่ 2 ทันที[4][5]

ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ว่าเข้มข้น เล่าเรื่องได้สนุก ดูจริงจัง ฉับไว หนักแน่น ลุ้นระทึก ตื่นเต้นทุกนาที ทั้ง ๆ ที่มีฉากแอ็คชั่นให้ได้ชมกันเพียงไม่กี่ฉาก แม้จริง ๆ แล้ว เรื่องที่ดูแน่น ก็มีรอยโหว่ในเรื่องความน่าเชื่อถือของเหตุการณ์ ความสมเหตุ สมผล การสอดรับกันของสถานการณ์มากมาย แต่กว่าผู้ชมจะคิดหรือมองเห็น ก็คือเมื่อเดินออกจากโรงภาพยนตร์เรียบร้อยแล้ว

อีกอย่างที่ขาดไป ก็คือความเข้มข้นในส่วนดราม่า ทั้งที่มีโอกาสเอามาใช้เป็นประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมที่ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นมากขึ้น แต่ก็เป็นได้ที่ผู้กำกับ-เขียนบทของเรื่องเอง เลือกจะเดินหน้าไปในทิศทางเดียว

ซึ่งก็ต้องให้เครดิตกับบทที่วางปมไว้ได้น่าติดตาม สร้างเงื่อนไข จุดพลิกผันต่าง ๆ เป็นระยะ ๆ ทำให้ผู้ชมจดจ่อกับสถานการณ์ที่ดำเนินไป แบบไม่วางตา กระทั่งตอนที่จะขึ้นเครดิตในตอนจบ ก็ยังอุตส่าห์ที่ดึงอารมณ์กลับมาให้ผู้ชมที่กำลังเดินออกจากโรงพร้อมกับวางปมทิ้งไว้อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในแบบที่ทำให้งงงวย หากแต่ทำให้เห็นอีกด้านหนึ่งของตัวละครบางตัว

ตำหนิบางรอยที่เกิดขึ้น ทำให้เป็นภาพยนตร์ไม่ถึงกับเหนือชั้นแบบ Infernal Affairs แต่หากมองว่าเป็นภาพยนตร์เลือกที่จะสร้างความบันเทิง ในความเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่น หักเหลี่ยม ระทึก ตื่นเต้น แบบไม่ต้องสนเส้นทางสายอื่น Cold War พาตัวเองเดินมาถูกทาง ทำได้อย่างที่ต้องการ และมีความชัดเจนในตัวเอง[3][2]