คดีความ ของ 386BSD

ถึงเวลาเพื่อ คดีความ (USL v.Regents ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย) ,เกิดการขัดขว้างไม่ให้นำ BSD เพื่อออกมาเพยแพร่ ภายใน มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย Berkeley .ต่อมา รุ่น (1993, 4.4BSD-Lite) ทำโดยมหาวิทยาลัย ได้ถูกตัดสินว่าถูกต้อง เพราะ พัฒนาเพื่อความรู้สามารถแพยแพร่ได้อย่างไรก็ตาม,BSD รุ่น 386BSD, Dr. Dobbs Journal, และ William Jolitz และ Lynne Jolitz ไม่เคยร่วมกลุ่มตกลงข้อกำหนดใดๆ กับมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย .จึงเริ่มจัดทำและเริ่มงาน โดยมี 386BSD เป็น Code ต้นแบบหลังจากคดีความเสร็จสิ้นลง ทำให้ ปราศจากข้อจำกัด.จากนั้นไม่ได้มีข้อขัดข้องใดๆ หรือการเรียกร้องจากมหาวิทยาลัย, USLหรือ ความรับผิดชอบอื่นๆกับตัว BSD รุ่น 386BSD.แต่ในท้ายที่สุด ก็ไม่ได้นำ code ของ William Jolitz และ Lynne Jolitz ที่อยู่ในคดีความมา พัฒนาต่อ.

ปี 1994, 386BSD เวอร์ชัน 1.0 เสร็จสิ้น และได้นำออกเผยแผร่ โดย Dr. Dobb's Journalในรูปแบบ CDROM เท่านั้น ซึ่งมีขนาดความจุ (600 MB) และข้างในมี (" 386BSD CD-ROM เอกสารอ้างอิง ")และเป็น CDROM ขายดีที่สุด ในสามปี (1994 - 1997).รุ่น 386BSD 1.0 ได้ใส่ kernel และเครื่องมือใหม่ๆ อย่างสมบูรณ์,และเริ่มต้น ทำ ตามคำแนะนำ ตามความต้องการที่หลากหลาย ก่อนที่ผู้ออกแบบของ Berkeley ที่ไม่เคยคิดพยายามพัฒนาใส่ใน BSD มาก่อน .

ใน ปี 1991 BSD/386 มีบางส่วนพัฒนามาจาก 386BSD ซึ่งผู้พัฒนาคือ BSDi,ที่แยกออกไปจาก BerkeleyBSD/386 ได้ใช้ code ตัวเดียวกันกับ 386BSD ที่ได้รับการสนับสนุน จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียให้เป็น 4.3BSD NET/2.ถึงแม้ว่า Jolitz ได้เริ่มต้นทำงานบางส่วนแล้ว สำหรับ UUNET (ซึ่งต่อมาคือ BSDi) ในปี 1991,งานที่เขาทำนั้นแตกต่างแหลกหลายออกไปซึ่งไม่ได้มีอยู่ใน 386BSD ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย.William Jolitz มีการปรับปรุง code อย่างสม่ำเสมอเพื่อทำการทดสอบ packaging ของ Donn Seeley ที่ BSDi,William Jolitz ได้ออกจากบริษัท เนื่องจากแนวทางและเป้าหมายของบริษัทที่ขัดแย้งกัน,และ คืนสิ่งที่พัฒนามาทั้งหมด .