ประวัติ ของ กรมป่าไม้

ประวัติป่าไม้ในประเทศไทย

การทำป่าไม้ของประเทศไทย ได้เริ่มขึ้นในสมัยที่มีการริเริ่มทำ ป่าไม้สัก เป็นสินค้าทางภาคเหนือ โดยป่าสักที่มีความสำคัญ จะอยู่ในเขต 5 นคร ได้แก่ นครเชียงใหม่, ลำพูน, ลำปาง, แพร่, และ น่าน โดยมีเจ้าผู้ครองนครคอยควบคุม โดยที่ผู้จะทำป่าไม้ในเขตนั้น จะต้องเสียเงิน ค่าตอไม้ ตามจำนวนต้นที่จะตัด นอกจากนั้น เจ้าผู้ครองนครจะยกป่าใดในท้องที่ ให้แก่ผู้ใดก็ได้ และเมื่อ เจ้าของป่าถึงแก่กรรมลง ป่าไม้นั้นก็จะเป็นทรัพย์สินอยู่ในกองมรดกด้วย ซึ่งไม่ได้มีการควบคุมการทำไม้ในทางวิชาการเลย เช่น การกำหนด จำนวนไม้ที่จะให้ตัดแต่ละครั้ง ขนาด ช่วงเวลาในการจะตัดออกที่ไม่มีความชัดเจน ทำให้ในเวลาต่อมา การอนุญาตทำป่าไม้ มีความไม่ชอบมาพากล และ เกิดกรณีพิพาท จนมีคำร้องทุกข์เป็นจำนวนมาก[3]

ทำให้ต้องมีการตรา พระราชบัญญัติ สำหรับผู้รักษาเมืองซึ่งจะทำสัญญากับชาวต่างประเทศ จุลศักราช 1236 (พ.ศ. 2417) โดยมีสาระสำคัญคือการทำป่าไม้ ระหว่างเจ้าเมือง หรือ ผู้ครองนคร กับชาวต่างประเทศนั้นจะต้องได้รับ สัตยาบันจากทาง กรุงเทพฯ ก่อน จึงจะมีผลใชับังคับได้ และ ห้ามไม่ให้เจ้าเมือง หรือ ผู้ครองนคร ออกใบอนุญาตแก่บุคคลเกินกว่า 1 คน ตามสัญญาทางพระราชไมตรีอังกฤษ เมื่อปี 2426 จึงได้ให้ความสำคัญในการควบคุมการทำป่าไม้ ทำให้ กระทรวงมหาดไทย ได้ว่าจ้าง Mr.Castensjold ชาวเดนมาร์กไปสำรวจการทำป่าไม้สักทางภาคเหนือ[3]

ต่อมาในปี 2438 รัฐบาลบริติชราชได้ให้ความช่วยเหลือในการส่งผู้ชำนาญการป่าไม้ โดยส่ง Mr. H. Slade มาสำรวจการทำป่าไม้ ในภาคเหนือ และได้ทำรายงานผลการสำรวจป่าไม้ ต่อกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2438 โดยในเวลานั้น ได้มีการชี้แจงข้อบกพร่องการทำป่าไม้ของไทยในเวลานั้น 2 ประการคือ[3]

1. กิจการป่าไม้ทั้งหมดที่มีในเวลานั้น อยู่ในการครอบครองของเจ้าผู้ครองนคร ซึ่งทำให้ ทางส่วนกลาง ไม่สามารถเข้ามาบริหารจัดการ หรือ ควบคุม การทำป่าไม้ ให้เป็นไปอย่างถูกต้องและมีมาตรฐาน โดยเฉพาะเรื่องสัมปทานป่าไม้ ที่ยังมีปัญหาที่ว่า เมื่อเจ้าของสัมปทานเดิม หมดสัญญา ก็ยังปรากฏว่ายังไม่หยุดกิจการ รวมไปถึงการขออนุญาตการทำป่าไม้ ซึ่งการขอสัมปทาน ยังต้องมีการเสียค่าใช้จ่าย ทำให้ราคาต้นทุนของไม้สักในขณะนั้น มีราคาสูงขึ้น

2. ในช่วงต้น ที่มีการสำรวจป่าไม้สัก เพื่อกำหนดจำนวนไม้ที่อนุญาตให้ตัดฟัน และ เสนอให้ควบคุมการตัดไม้สักเพื่อใช้สอย โดยเสนอให้ใช้ไม้กระยาเลยแทน ต่อมาจึงได้พบอีกว่า ประชาชนได้ตัดต้นสักขนาดเล็กเพื่อใช้สอยเป็นจำนวนมาก ซึ่งเกินกำลังการทำป่าไม้ ซึ่งมีผลต่อทรัพยากรป่าไม้อย่างยิ่ง ซึ่งสถานการณ์ป่าไม้สักขณะนั้น ได้มีการตัดฟันไม้สักเกินกำลังป่า ถึงประมาณ 3 เท่าครึ่ง

และได้เสนอให้ทางส่วนกลางควรต้องเข้าจัดการป่าไม้เสียเอง และเสนอให้จัดตั้งหน่วยงานที่ควบคุมและ บริหารป่าไม้ขึ้น ต่อมาจึงได้นำความกราบบังคมทูล พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยซึ่งก็ได้ทรงพระราชดำริเห็นชอบ และ พระราชทาน พระราชหัตถเลขาถึงเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ จัดตั้งกรมป่าไม้ขึ้น โดยให้สังกัดอยู่ในกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 18 กันยายน ร.ศ.115 (พ.ศ. 2439) และถือเป็นวันสถาปนากรมป่าไม้[3]

ประวัติการจัดตั้งกรม

กรมป่าไม้

กรมป่าไม้ ได้รับการสถาปนาขึ้นในวันที่ 18 กันยายน 2439 โดย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และโปรดเกล้าฯ ให้อยู่ในสังกัด กระทรวงมหาดไทย โดยในระยะแรก รัฐบาลไทยได้ขอตัวเจ้าหน้าที่ป่าไม้จาก บริติชราช มาช่วยบริหารราชการกรมระหว่างปี 2439 ถึง 2466 ต่อมาในปี 2466 จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ พระยาดรุพันธ์พิทักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ จึงเป็นอธิบดีกรมป่าไม้คนแรกที่เป็นคนไทยนับแต่นั้นเป็นต้นมา[3]

โดยกรมป่าไม้ ได้ย้ายสังกัดถึง 5 ครั้ง ได้แก่[3]: