ประวัติ ของ กลอเรีย_เอสเตฟาน

เมื่ออายุ 2 ขวบต้องระหกระเหินไปอยู่สหรัฐอเมริกา เพราะเกิดความวุ่นวายทางการเมืองในคิวบา ช่วงที่พล.อ.ฟีเดล กัสโตร ขึ้นปกครองประเทศ ขณะที่พ่อของกลอเรียเป็นทหารของอีกฝ่าย เมื่อย้ายมาไมแอมีแล้ว พ่อของกลอเรียได้เข้าร่วมกองทัพสหรัฐ โดยไปรบสงครามเวียดนาม เมื่อกลับมาพ่อจึงล้มป่วย

ในช่วงวัยรุ่น กลอเรียฝันอยากเป็นนักจิตวิทยา จึงขอทุนและได้เรียนที่มหาวิทยาลัยไมแอมี ในปี 2518 ตั้งอกตั้งใจเป็นนักศึกษาที่ดี แต่ด้วยความที่ลึก ๆ แล้วรักเสียงดนตรี จึงเข้าร่วมร้องเพลงกับวงดนตรีคิวบา-อเมริกัน ชื่อ ไมแอมีละตินบอยส์ เธอได้เป็นแฟนกับเอมีลีโอ เอสเตฟาน นักดนตรีที่เล่นคีย์บอร์ด ซึ่งเข้ามาช่วยเทรนการร้องเพลงและลีลาการแสดงบนเวที ในที่สุดเธอจึงเข้าร่วมวงกับงานกับเอมีลีโอในปี 2521 ในขณะที่เธออายุ 21 ปี

วงไมอามี่ ซาวนด์ฯ มีโอกาสอัดแผ่นเสียง 4 อัลบั้มเป็นเพลงภาษาสเปน ช่วงปี 2524-2526 และในปี 2527 จึงก้าวเข้าสู่ระดับอินเตอร์ ด้วยการด้วยการอัดเพลงภาษาอังกฤษในซิงเกิล "Dr.Beat" และมีผลงานดังๆ เรื่อยๆ มา รวมถึงได้ทัวร์คอนเสิร์ตไปยังที่ต่าง ๆ

ในปี 2532 กลอเรียจึงมีโอกาสออกอัลบั้มในฐานะศิลปินเดี่ยว ซิงเกิล Don"t Wanna Lose You โด่งดังขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตอเมริกา

ชื่อเสียงของกลอเรียฉุดไม่อยู่นับแต่นั้น อัลบัมและซิงเกิลของเธอทุกชุดมีเสียงตอบรับที่ดีมากทั้งในด้านการขายและรางวัลทั้งได้แสดงบนเวทีสำคัญอย่างมหกรรมโอลิมปิกหรือการแข่งขันซูเปอร์โบลส์ ขณะที่ชีวิตครองครัวยังหวานชื่น เมื่อมีพยานรักเป็นลูกชายชื่อ นายิบ ในปี 2523 และเอมิลี่ มารี ในปี 2537

ในปี พ.ศ. 2542 เธอได้ร่วมงานกับวงบอยแบนด์ เอ็นซิงค์ ในเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Music of The Heart เพลง “Music Of My Heart” ขึ้นชาร์ทบิลบอร์ดในอันดับที่ 2 และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย