195 °C, 468 K, 383 °F
กลูตาไธโอน (
อังกฤษ: glutathione, GSH) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในพืช สัตว์
เห็ดราและ
แบคทีเรียและ
อาร์เคียบางชนิด ทำหน้าที่ป้องกันองค์ประกอบสำคัญของ
เซลล์ที่เกิดจาก
ออกซิเจนที่ไวต่อปฏิกิริยา (reactive oxygen species) เช่น
อนุมูลอิสระหรือ
เปอร์ออกไซด์[2] กลูตาไธโอนประกอบด้วยเพปไทด์สามโมเลกุล (tripeptide) คือ
ซีสเตอีน กรด
กลูตามิก และ
ไกลซีน มีพันธะเพปไทด์แกมมาระหว่าง
หมู่คาร์บอกซิลของหมู่ข้าง
กลูตาเมตและ
หมู่เอมีนของซิสทีน และพันธะเพปไทด์ธรรมดาระหว่างซีสทีนกับไกลซีนหมู่ไธออลเป็นตัวรีดิวซ์ ซึ่งมีอยู่ที่ความเข้มข้นประมาณ 5 มิลลิ
โมลาร์ในเซลล์สัตว์ กลูตาไธโอนรีดิวซ์พันธะไดซัลไฟด์ที่เกิดขึ้นในโปรตีนไซโทพลาสซึมไปยังซีลเตอีนโดยทำหน้าที่เป็นตัวให้อิเล็กตรอน ในกระบวนการนี้ กลูตาไธโอนจะถูกเปลี่ยนเป็นรูปออกซิไดซ์ กลูตาไธโอนไดซัลไฟด์ (GSSG) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า แอล-(–)-กลูตาไธโอนเมื่อถูกออกซิไดซ์แล้ว กลูตาไธโอนสามารถถูกรีดิวซ์กลับได้โดยกลูตาไธออนรีดักเทส (glutathione reductase) โดยอาศัย
NADPH เป็นตัวให้อิเล็กตรอน
[3] อัตรากลูตาไธโอนรูปรีดิวซ์ต่อกลูตาไธโอนรูปออกซิไดซ์มักใช้เป็นการวัดความเป็นพิษของเซลล์
[4]นอกจากนี้ กลูตาไธโอนช่วยให้
ตับขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังนำมารักษา
โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ข้ออักเสบ โรคพาร์กินสัน โรคตับ โรคไต โรคเอดส์ ภาวะ
เป็นหมันในเพศชาย และภาวะ
หูตึงจากเสียงดัง ผลข้างเคียงยับยั้งการสังเคราะห์เมลานิน