แผนดินปืน ของ กาย_ฟอกส์

ภาพพิมพ์ลายแกะร่วมสมัยผู้คบคิดแปดจากสิบสามคน โดยกริสไปน์ ฟัน เดอปัสเซอ ฟอกส์เป็นคนที่สามจากขวามือ

ในปี ค.ศ. 1604 ฟอกส์เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคาทอลิกอังกฤษขนาดเล็กซึ่งนำโดยรอเบิร์ต เคตส์บี เคตส์บีวางแผนลอบปลงพระชนม์พระเจ้าเจมส์ที่ 1 ซึ่งทรงถือโปรเตสแตนต์ แล้วยกพระธิดา คือ เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ซึ่งอยู่ในลำดับสามของลำดับการสืบราชสันตติวงศ์ ขึ้นครองราชย์แทน[15][16] ออสวัลด์ เทซิมอนด์ นักบวชคณะเยสุอิตและอดีตเพื่อนสมัยเรียน อธิบายฟอกส์ว่า "น่าเข้าหาและมีท่าทีร่าเริง ไม่เห็นด้วยกับการทะเลาะและความขัดแย้ง ... ซื่อสัตย์ต่อเพื่อน ๆ ของเขา" เทซิมอนด์ยังอ้างว่าฟอกส์เป็น "ชายผู้มีทักษะสูงในกิจการสงคราม" และอ้างว่า การผสมระหว่างความศรัทธาในศาสนากับความเป็นมืออาชีพนี้เองที่ทำให้ผู้คบคิดคนอื่น ๆ รักใคร่เขา[3] ผู้ประพันธ์ แอนโทเนีย เฟรเซอร์ (Antonia Fraser) บรรยายฟอกส์ว่าเป็น "ชายกำยำ ร่างสูง มีผมสีน้ำตาลแดงหนา หนวดเฟิ้มตามประเพณีสมัยนั้น และเคราน้ำตาลแดงดก" และเป็น "คนเน้นลงมือ ... มีความสามารถในการถกเถียงอย่างปัญญาชนเช่นเดียวกับที่มีความอดทนทางกายสูง ซึ่งค่อนข้างน่าประหลาดใจสำหรับศัตรูของเขา"[5]

ห้าผู้คบคิดหลักประชุมกันครั้งแรกในวันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 1604 ที่โรงเตี๊ยมชื่อ ดั๊กแอนด์เดรก ในเขตสแตรนด์ (Strand district) ที่ทันสมัยของกรุงลอนดอน[lower-alpha 5] เคตส์บีได้เสนอในการประชุมกับทอมัส วินเทอร์ และจอห์น ไรต์ ก่อนหน้านี้แล้วว่าจะปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์และรัฐบาลของพระองค์โดยระเบิด "ทำเนียบรัฐสภาด้วยดินปืน" วินเทอร์ซึ่งตอนแรกคัดค้านแผนนี้ถูกเคตส์บีเกลี้ยกล่อมให้เดินทางไปยุโรปแผ่นดินใหญ่เพื่อแสวงความช่วยเหลือ วินเทอร์เข้าพบกับผู้บัญชาการกองทัพแห่งกัสติยา (สเปน), ฮิว โอเวน (Hugh Owen) สายลับชาวเวลส์ที่ถูกเนรเทศ[18] และเซอร์วิลเลียม สแตนลีย์ ซึ่งบอกว่าเคตส์บีจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสเปน อย่างไรก็ตาม โอเวนได้แนะนำวินเทอร์ให้รู้จักฟอกส์ซึ่งในขณะนั้นอยู่นอกประเทศอังกฤษมาหลายปี ฉะนั้นจึงแทบไม่เป็นที่รู้จักในประเทศ วินเทอร์และฟอกส์มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ทั้งคู่เป็นนักรบและมีประสบการณ์ตรงจากการที่ชาวสเปนไม่เต็มใจช่วยเหลือ วินเทอร์บอกฟอกส์ถึงแผน "ทำการบางอย่างในอังกฤษหากสันติภาพกับสเปนไม่เอื้อต่อพวกเรา" (doe some whatt in Ingland if the pece with Spaine healped us nott)[3] และฉะนั้น ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1604 ทั้งสองจึงกลับประเทศอังกฤษ[17] ข่าวของวินเทอร์ไม่ทำให้เคตส์บีประหลาดใจ เพราะแม้มีเสียงทางบวกจากทางการสเปน แต่เขาก็กลัวอยู่ว่า "การกระทำนั้นจะไม่ตรงคำตอบ" (the deeds would nott answere)[lower-alpha 6]

ทอมัส เพอร์ซี (Thomas Percy) ผู้คบคิดคนหนึ่ง ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1604 ทำให้สามารถเข้าถึงบ้านหลังหนึ่งในกรุงลอนดอนซึ่งเป็นของจอห์น วินเนียร์ด (John Whynniard) ผู้ดูแลเสื้อผ้าของพระมหากษัตริย์ ฟอกส์รับตำแหน่งรักษาการ และเริ่มใช้นามแฝงว่าจอห์น จอห์นสัน คนรับใช้ของเพอร์ซี[20] บันทึกการฟ้องคดีอาญาร่วมสมัย (มาจากคำสารภาพของทอมัส วินเทอร์)[21] อ้างว่า กลุ่มผู้คบคิดพยายามขุดอุโมงค์จากใต้บ้านวินเนียร์ดไปยังรัฐสภา แต่รัฐบาลอาจสร้างเรื่องนี้ขึ้นมาเอง เพราะการฟ้องคดีอาญานี้ไม่มีหลักฐานว่ามีอุโมงค์ดังกล่าวอยู่ และไม่พบร่องรอยอุโมงค์ที่ว่า ตัวฟอกส์เองไม่ยอมรับว่ามีแผนการดังกล่าวกระทั่งการสอบสวนครั้งที่ห้า แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่าอุโมงค์อยู่ตรงจุดไหน[22] อย่างไรก็ตาม หากเรื่องนี้เป็นความจริง เมื่อถึงเดือนธันวาคม ค.ศ. 1604 ผู้คบคิดก็กำลังง่วนขุดอุโมงค์จากบ้านเช่าไปยังสภาขุนนาง พวกเขาหยุดเมื่อได้ยินเสียงจากข้างบนระหว่างการขุดอุโมงค์ ฟอกส์ถูกส่งไปสืบและกลับมาพร้อมข่าวว่า ไม่ไกลนักภรรยาม่ายของผู้เช่ากำลังเก็บกวาดห้องใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สภาขุนนางพอดี[3][23]

ผู้คบคิดขอเช่าห้องใต้ดินนั้นซึ่งเป็นของจอห์น วินเนียร์ดเช่นกัน ห้องนั้นไม่ได้ใช้และโสโครก จึงถือเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเก็บซ่อนดินปืนที่ผู้คบคิดวางแผนสะสมไว้ ตามที่ฟอกส์เปิดเผย ตอนแรกมีการนำดินปืนมา 20 ถัง และอีก 16 ถังในวันที่ 20 กรกฎาคม[24] ทว่า โรคระบาดที่คุกคามอยู่เนือง ๆ ทำให้การเปิดประชุมรัฐสภาเลื่อนไปเป็นวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน[25]

โพ้นทะเล

ในความพยายามให้ได้มาซึ่งการสนับสนุนจากต่างประเทศ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1605 ฟอกส์เดินทางข้ามทะเลและแจ้งแผนของผู้คบคิดแก่ฮิว โอเวน[26] ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งระหว่างการเดินทางนี้ ชื่อของเขาก็เข้าไปอยู่ในแฟ้มของรอเบิร์ต เซซิล เอิร์ลที่ 1 แห่งซอลส์บรี (Robert Cecil, 1st Earl of Salisbury) ซึ่งมีเครือข่ายสายลับอยู่ทั่วทวีปยุโรป สายลับคนหนึ่ง ร้อยเอก วิลเลียม เทอร์เนอร์ อาจเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าข้อมูลที่เขาให้แก่ซอลส์บรีโดยปกติจะไม่ได้มีอะไรมากไปกว่ารายงานการรุกรานที่มีรูปแบบคลุมเครือ และไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแผนดินปืนเลย แต่ในวันที่ 21 เมษายน เขาก็เล่าว่าเทซิมอนด์จะนำฟอกส์กลับไปยังประเทศอังกฤษด้วยวิธีการใด ฟอกส์เป็นทหารรับจ้างชาวเฟลมิช (Flemish) ที่เป็นที่รู้จักกันดี และจะถูกแนะนำตัวต่อ "นายเคตส์บี" และ "บรรดามิตรผู้มีเกียรติของขุนนางและคนอื่น ๆ ที่จะเตรียมอาวุธและม้าไว้ให้พร้อม"[27] อย่างไรก็ตาม รายงานของเทอร์เนอร์ไม่ได้กล่าวถึงจอห์น จอห์นสัน (นามแฝงของฟอกส์ในประเทศอังกฤษ) และข่าวนี้ไม่ไปถึงเซซิลจนกระทั่งปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นเวลาหลังแผนถูกเปิดโปงแล้ว[3][28]

ไม่แน่ชัดว่าฟอกส์กลับประเทศอังกฤษเมื่อใด แต่เขากลับถึงลอนดอนเมื่อปลายเดือนสิงหาคม 1605 เมื่อเขาและวินเทอร์พบว่าดินปืนที่สะสมไว้ในห้องใต้ดินเสื่อมไปแล้ว มีการนำดินปืนเข้ามาในห้องเพิ่มเติม ร่วมกับไม้ฟืนเพื่ออำพราง[29] มีการกำหนดบทบาทสุดท้ายของฟอกส์ในแผนนี้ระหว่างการประชุมหลายครั้งในเดือนตุลาคม เขาจะเป็นผู้จุดชนวนแล้วหลบหนีข้ามแม่น้ำเทมส์ ในเวลาเดียวกันนั้น การก่อการกำเริบในมิดแลนส์จะช่วยให้มีการคุมตัวเจ้าหญิงเอลิซาเบธ การปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์จะไม่เป็นที่ยอมรับ ฉะนั้น ฟอกส์จะมุ่งหน้าไปยังยุโรปแผ่นดินใหญ่เพื่ออธิบายให้ประเทศมหาอำนาจคาทอลิกเข้าใจถึงภารกิจศักดิ์สิทธิ์ในการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์และฆ่าข้าราชบริพาร[30]

การตรวจพบ

Discovery of the Gunpowder Plot (ประมาณปี ค.ศ. 1823) โดยเฮนรี เพอร์โรเนต บริกส์

ผู้คบคิดจำนวนหนึ่งเป็นห่วงผู้นับถือคาทอลิกที่จะปรากฏตัวที่รัฐสภาระหว่างการเปิดสมัยประชุม[31] ในเย็นวันที่ 26 ตุลาคม ลอร์ดมอนทีเกิล (Lord Monteagle) ได้รับจดหมายนิรนามเตือนให้เขาอยู่ห่าง ๆ และ "กลับคฤหาสน์ชนบทของท่านไปเสีย ณ ที่นั้นท่านจะปลอดภัย เพราะ ... พวกเขาจะโดนระเบิดอย่างร้ายแรงในรัฐสภาแห่งนี้" (retyre youre self into yowre contee whence yow maye expect the event in safti for ... they shall receyve a terrible blowe this parleament)[32] แม้ว่ากลุ่มผู้คบคิดจะทราบเรื่องจดหมายอย่างรวดเร็ว (เพราะคนรับใช้คนหนึ่งของมอนทีเกิลเป็นผู้แจ้ง) แต่พวกเขาก็ตัดสินใจดำเนินแผนการต่อไป เพราะเห็นว่า "ทุกคนเชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัยว่าเป็นข่าวลวง"[33] ฟอกส์ตรวจห้องใต้ดินเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม และรายงานว่าไม่มีสิ่งใดถูกรบกวน ทว่ามอนทีเกิลรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลจึงแสดงจดหมายฉบับนั้นต่อพระเจ้าเจมส์ พระองค์มีพระราชดำรัสสั่งให้เซอร์ทอมัส นิเวต (Thomas Knyvet) ค้นห้องใต้ดินใต้รัฐสภา ซึ่งเขาดำเนินการในช่วงกลางดึกของเช้าวันที่ 5 พฤศจิกายน ฟอกส์เข้าประจำตำแหน่งสายเมื่อคืนก่อน[34] มีไม้ขีดไฟเผาไหม้ช้าและนาฬิกาข้อมือที่เพอร์ซีให้เขาไว้ติดตัว "เพราะเขาควรรู้ว่าเวลาผ่านไปอย่างไร" (becaus he should knowe howe the time went away)[3] เขาถูกพบขณะกำลังออกจากห้องใต้ดินหลังเที่ยงคืนไม่นาน และถูกจับกุม พบถังดินปืนใต้กองไม้ฟืนและถ่านหินในห้องนั้น[35]

การทรมาน

ฟอกส์บอกว่าตัวเองชื่อจอห์น จอห์นสัน และตอนแรกถูกข้าราชบริพารห้องประทับส่วนพระมหากษัตริย์ (Privy chamber) สอบสวน ซึ่งเขายังขัดขืนอยู่[36] เมื่อมีขุนนางคนหนึ่งถามว่าเขากำลังทำอะไรถึงมีดินปืนในครอบครองมากขนาดนั้น ฟอกส์ตอบว่าเจตนาของเขาคือ "เพื่อระเบิดพวกมึงขอทานสกอตกลับภูเขาบ้านเกิดของมึงไงล่ะ"[37] เขาระบุตนว่าเป็นคนคาทอลิกวัย 36 ปีจากเนเธอร์เดล (Netherdale) ในยอร์กเชอร์ และบอกว่าบิดาชื่อทอมัส ส่วนมารดาชื่ออีดิธ แจ็กสัน เมื่อผู้สอบสวนสังเกตเห็นบาดแผลบนร่างกาย เขาก็อธิบายว่าเป็นผลมาจากเยื่อหุ้มปอดอักเสบ ฟอกส์ยอมรับว่าเขาเจตนาระเบิดสภาขุนนางและแสดงความเสียใจที่แผนล้มเหลว กิริยาอาการเด็ดเดี่ยวของเขาทำให้พระเจ้าเจมส์ทรงชื่นชม พระองค์ทรงบรรยายว่าฟอกส์มี "ความแน่วแน่อย่างโรมัน"[38]

แม้พระเจ้าเจมส์จะทรงชื่นชม แต่ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ก็มีพระราชดำรัสสั่งทรมาน "จอห์น จอห์นสัน" ให้แฉชื่อผู้ร่วมคบคิด[39] พระองค์มีพระราชดำรัสสั่งให้ทรมานแต่น้อยก่อน คือหมายถึงใช้กุญแจมือ แต่ให้รุนแรงขึ้นถ้าจำเป็น โดยมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้เครื่องทรมานดึงแขนขา (rack)[36][40] ฟอกส์ถูกย้ายมายังหอคอยลอนดอน พระเจ้าเจมส์ทรงร่างรายการคำถามต่าง ๆ ที่จะถาม "จอห์นสัน" เช่น "เกี่ยวกับสิ่งที่เขาเป็น เพราะฉันยังไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดรู้จักเขา", "เขาเรียนพูดภาษาฝรั่งเศสเมื่อใดและที่ใด", "ถ้าเขาเป็นพวกนิยมโป๊ปแล้วใครเป็นผู้สั่งสอนเขา"[41] ห้องที่ฟอกส์ถูกสอบสวนต่อมาเรียก ห้องกาย ฟอกส์[42]

ลายมือชื่อ "กวีโด" ของฟอกส์ ลงไม่นานหลังการทรมาน เป็นเพียงรอยหวัด ๆ ชัดเจนเมื่อเทียบกับกรณีหลัง

เซอร์วิลเลียม เวด (William Wade) รองผู้บัญชาการหอคอยลอนดอน (Lieutenant of the Tower) เป็นผู้ควบคุมการทรมานและได้คำสารภาพของฟอกส์[36] เขาค้นตัวฟอกส์และพบจดหมายจ่าหน้าถึงกาย ฟอกส์ เวดประหลาดใจที่ "จอห์นสัน" ยังนิ่งเงียบ ไม่เปิดเผยแผนหรือผู้ริเริ่มแผนเลย[43] ในคืนวันที่ 6 พฤศจิกายน เขาพูดกับเวดซึ่งรายงานต่อซอลส์บรีว่า "เขา [จอห์นสัน] บอกพวกเราว่า ตั้งแต่เขาเริ่มดำเนินการนี้ เขาก็สวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าทุกวันว่าเขาจะกระทำการเช่นนั้นเพื่อความก้าวหน้าของคาทอลิกและเพื่อคุ้มครองวิญญาณของเขาเอง" เวดเล่าว่า ฟอกส์ยังพักผ่อนได้ตลอดคืนแม้จะถูกเตือนว่าเขาจะถูกสอบสวนจนกว่า "ข้าพเจ้าจะได้ความลับจากก้นบึ้งของความคิดเขาและผู้สมคบทั้งหมดของเขา"[44] ความอดทนต่อการถูกทรมานของฟอกส์สิ้นสุดลงในวันรุ่งขึ้น[45]

ผู้สังเกตการณ์ เซอร์เอดเวิร์ด โฮบี (Edward Hoby) ตั้งข้อสังเกตว่า "ตั้งแต่จอห์นสันอยู่ในหอคอย เขาก็เริ่มพูดภาษาอังกฤษ" (Since Johnson's being in the Tower, he beginneth to speak English) ฟอกส์เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขาในวันที่ 7 พฤศจิกายน และบอกผู้สอบสวนเขาว่ามีห้าคนเกี่ยวข้องในแผนปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ เขาเริ่มเผยชื่อในวันที่ 8 พฤศจิกายน และบอกว่าพวกเขาตั้งใจยกเจ้าหญิงเอลิซาเบธขึ้นครองบัลลังก์อย่างไร คำสารภาพที่สามของเขาในวันที่ 9 พฤศจิกายน พาดพิงฟรานซิส เทรชัม หลังเหตุการณ์แผนรีดอลฟี (Ridolfi plot) ในปี ค.ศ. 1571 นักโทษถูกบังคับให้บอกเขียนคำสารภาพของเขาเองก่อนคัดลอกและลงลายมือชื่อ หากยังสามารถเขียนได้[46] แม้ไม่ชัดเจนว่าเขาตกอยู่ใต้ความกลัวเครื่องทรมานดึงแขนขาหรือไม่ แต่ลายมือชื่อของฟอกส์ซึ่งไม่ดีไปกว่าการเขียนหวัด ๆ นัก ก็เป็นหลักฐานถึงความทุกข์ทรมานที่เขาต้องเจอในกำมือของผู้สอบสวน[47]

การพิจารณาคดีในศาลและการประหารชีวิต

การพิจารณาคดีผู้ก่อการแปดคนในศาลเริ่มเมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1606 ฟอกส์ลงเรือลำเดียวกับผู้ร่วมคบคิดเจ็ดคนจากหอคอยไปยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์[lower-alpha 7] พวกเขาถูกคุมตัวในห้องดาวก่อนถูกนำไปยังเวสต์มินสเตอร์ฮอลล์ ที่นั่น พวกเขาถูกแสดงบนตะแลงแกงที่สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เฉพาะ พระมหากษัตริย์และพระญาติใกล้ชิดทอดพระเนตรอย่างลับ ๆ อยู่ท่ามกลางบรรดาผู้ชมระหว่างที่กรรมการที่โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง (Lords Commissioners) อ่านรายการข้อกล่าวหา ฟอกส์ถูกขานนามว่า กวีโด ฟอกส์ "หรือเรียกอีกอย่างว่า กวีโด จอห์นสัน" เขาให้การปฏิเสธ แม้จะเห็นได้ว่าเขายอมรับว่ากระทำความผิดตั้งแต่ตอนที่ถูกจับแล้ว[49]

ภาพพิมพ์กัดกรดปี 1606 โดยกลาส ยันส์โซน ฟิสเซอร์ พรรณนาการประหารชีวิตฟอกส์

ผลแทบไม่ต้องสงสัย คณะลูกขุนวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งหมดมีความผิด และประธานศาลสูงสุด (Lord Chief Justice) เซอร์จอห์น พอพัม (John Popham) ประกาศให้พวกเขามีความผิดฐานกบฏต่อแผ่นดิน[50] อัยการสูงสุด เซอร์เอดเวิร์ด คุก กล่าวต่อศาลว่า ผู้ถูกพิพากษาลงโทษจะถูกม้าลากถอยหลังจนตาย โดยปล่อยศีรษะเรียดพื้น พวกเขาจะถูก "ประหารชีวิตครึ่งทางระหว่างสวรรค์กับโลกเพราะไม่คู่ควรแก่ทั้งสอง" อวัยวะเพศจะถูกตัดและเผาซึ่งหน้า และลำไส้และหัวใจจะถูกนำออก แล้วพวกเขาจะถูกตัดศีรษะ และชิ้นส่วนร่างกายที่ถูกตัดออกจะถูกปล่อยทิ้งไว้เพื่อให้เป็น "เหยื่อแก่นกในอากาศ"[51] มีการอ่านออกเสียงคำให้การของฟอกส์และเทรชัมเกี่ยวกับกบฏสเปน ตลอดจนคำสารภาพที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับแผนดินปืน หลักฐานชิ้นสุดท้ายที่นำมาอ่านคือบทสนทนาระหว่างฟอกส์กับวินเทอร์ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกคุมตัวไว้ในห้องขังติดกัน ดูเหมือนว่าทั้งสองคิดว่าตนกำลังคุยกันส่วนตัว แต่บทสนทนาของพวกเขาถูกสายลับรัฐบาลดักได้ เมื่อเหล่านักโทษได้รับอนุญาตให้พูด ฟอกส์ก็อธิบายว่าเขาปฏิเสธข้อกล่าวหาเพราะไม่รู้คำฟ้องคดีในบางด้าน[52]

ในวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1606 ฟอกส์และอีกสามคน ได้แก่ ทอมัส วินเทอร์, แอมโบรส รุกวุด และรอเบิร์ต เคย์ส (Robert Keyes) ถูกลากบนเลื่อนสานจากหอคอยไปยังลานพระราชวังเดิมที่เวสต์มินสเตอร์ ตรงข้ามกับอาคารที่พวกเขาพยายามทำลาย[53] ผู้ร่วมคบคิดของเขาถูกแขวนคอ ควักไส้ และผ่าสี่ ฟอกส์เป็นคนสุดท้ายที่ยืนบนตะแลงแกง เขาทูลขออภัยโทษจากพระมหากษัตริย์และรัฐ ขณะที่ยังคง "ทำเครื่องหมายกางเขนและพิธีกรรมไร้สาระ" ฟอกส์เริ่มปีนบันไดสู่บ่วงอย่างอ่อนแรงจากการถูกทรมานโดยมีเพชฌฆาตแขวนคอคอยพยุง แต่ไม่ว่าจะมาจากการกระโดดลงมาตายหรือจากการปีนสูงเกินไปเพื่อให้เชือกจัดไม่ถูกต้อง เขาก็สามารถเลี่ยงความเจ็บปวดจากการประหารขั้นตอนหลังไปได้เพราะคอหักเสียชีวิตทันที[36][54][55] กระนั้น ร่างไร้วิญญาณของเขาก็ถูกผ่าสี่[56] แล้วตามจารีตประเพณี[57] ชิ้นส่วนร่างของเขาถูกส่งกระจายไปยัง "มุมทั้งสี่ของราชอาณาจักร" เพื่อนำไปประจานเป็นการเตือนแก่ผู้ที่คิดจะทรยศต่อไป[58]

แหล่งที่มา

WikiPedia: กาย_ฟอกส์ http://books.google.com/books?hl=en&id=YvcOOnJWc3g... http://books.google.com/books?id=IrcZEZ1bOJsC&pg=P... http://www.highbeam.com/doc/1P3-1626560801.html http://www.oup.com/oxforddnb/info/freeodnb/librari... http://www.oxforddnb.com/view/article/29767 http://www.oxforddnb.com/view/article/4883/ http://www.oxforddnb.com/view/article/9230 http://catalogo.bne.es/uhtbin/authoritybrowse.cgi?... http://uli.nli.org.il/F/?func=direct&doc_number=00... http://data.bibliotheken.nl/id/thes/p070473900