หลักการทางเทคนิค ของ การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่

ผู้ให้บริการจะต้องรับภาระในการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์โครงข่ายเพื่อให้การประยุกต์ระบบการคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่เกิดขึ้นได้ แต่จะต้องเปลี่ยนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแนวทางการประยุกต์เชิงเทคนิคที่สำคัญ ได้แก่ วิธีการจัดเส้นทางการเรียก (call routing) และ ระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลกลาง

วิธีการจัดเส้นทางการเรียก

มีอยู่ 2 วิธี ได้แก่ Call forwarding (CF) และ All call query (ACQ)

Call forwarding

Call forwarding หรือ CF มีข้อดีคือ การประยุกต์ทำได้ง่าย เนื่องจากโครงข่ายของผู้เรียกจะดำเนินการเชื่อมต่อการเรียกไปยังโครงข่ายปลายทางเดิมของผู้ถูกเรียกตามปกติ ซึ่งโครงข่ายปลายทางที่ผู้ถูกเรียกได้ขอย้ายออกไปแล้วนั้น เราจะเรียกว่า Donor Network โครงข่ายนี้เองจะทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อไปยังโครงข่ายปลายทางใหม่ที่ผู้ถูกเรียกได้ขอย้ายเข้า ซึ่งเราจะเรียกว่า Recipient Network อย่างไรก็ดี วิธี CF นั้นมีข้อเสียหลายประการ อาทิ เช่น ไม่รองรับการ forward SMS/MMS ไม่สามารถแสดงเลขหมายโทรเข้า ส่วนปัญหาเชิงเทคนิค ได้แก่ สิ้นเปลืองการใช้ช่องสัญญาณเนื่องมาจากการ forward call ระยะเวลาการต่อสัญญาณเรียกใช้เวลานาน เป็นต้น ในปัจจุบันประเทศที่ประยุกต์ใช้วิธี CF ต่างเปลี่ยนมาใช้วิธี ACQ แทน[4]

All call query

All call query หรือ ACQ คือ โครงข่ายของผู้เรียกจะเป็นผู้ดำเนินการเชื่อมต่อไปยังโครงข่ายปลายทางปัจจุบันหรือ Recipient Network โดยไม่ต้องดำเนินการเชื่อมต่อสายกลับไปยังโครงข่ายปลายทางเดิมที่ผู้ถูกเรียกเคยใช้บริการอยู่ หรือ Donor Network โครงข่ายของผู้เรียกต้องมีการปรับฐานข้อมูลของเลขหมายที่มีการขอทำการพอร์ตเลขหมายให้สอดคล้องกับความเป็นจริง เพื่อที่จะสามารถเรียกไปยังโครงข่ายปลายทางที่ถูกต้องได้[4]

วิธีการ ACQ นั้นจะมีการใช้ทรัพยากรโครงข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ กล่าวคือโครงข่ายของผู้เรียกสามารถจัดเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดไปยังโครงข่ายปัจจุบันของผู้ถูกเรียกได้โดยตรงและสามารถแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากการใช้วิธี CF การประยุกต์ใช้ ACQ ต้องลงทุนสูงเนื่องจากต้องมีการลงทุนเพิ่มในส่วนของฐานข้อมูลเลขหมายและระบบจัดการที่เกี่ยวข้อง[4] สำหรับประเทศไทยจะใช้วิธี ACQ นี้[1]

ระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลกลาง

ระบบสารสนเทศและฐานข้อมูลกลางจะเป็นระบบที่ทำหน้าที่ในการบริหารและจัดการกระบวนการโอนย้ายผู้ให้บริการโดยคงเลขหมายเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 2 กลไกหลัก คือระบบที่อำนวยความสะดวกรวดเร็วในการประสานงานระหว่างผู้ให้บริการรายเดิมกับผู้ให้บริการรายใหม่ และระบบฐานข้อมูลที่บันทึกรายละเอียดของเลขหมายโทรศัพท์ที่ได้มีการเปลี่ยนผู้ให้บริการ สำหรับการลงทุนในการจัดตั้งศูนย์ให้บริการระบบสารสนเทศให้ดำเนินการในรูปแบบผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกันลงทุนในลักษณะการรับภาระร่วมกัน (Consortium) โดยสัดส่วนในการลงทุนให้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเป็นผู้กำหนด[1]

ฐานข้อมูลกลางโดยทั่วไปจะมีสองรูปแบบ คือ แบบศูนย์กลาง (Centralized Database) และแบบกระจาย (Distributed Database)

แบบศูนย์กลางจะใช้ฐานข้อมูลอ้างอิงฐานข้อมูลเดียวที่มีเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด หรือมีข้อมูลเลขหมายที่โอนย้ายทั้งหมด โดยอาจไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลเลขหมายที่ไม่ได้โอนย้าย ซึ่งตามปกติแล้วข้อมูลอ้างอิงนี้จะมีการทำสำเนาให้กับฐานข้อมูลปฏิบัติการ (Operational Databases) ของโครงข่ายที่ร่วมโรงการเป็นหลักสำคัญฐานข้อมูลอ้างอิงแบบศูนย์กลางสำหรับการเปลี่ยนผู้ให้บริการโดยไม่เปลี่ยนเลขหมายมักดำเนินการโดยผู้ให้บริการโครงข่ายซึ่งอาจประกอบด้วยผู้ให้บริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือโครงข่ายทั้งหมดที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดสรรเส้นทาง ซึ่งการดำเนินการและการบำรุงรักษาฐานข้อมูลเลขหมายแบบศูนย์กลางอาจทำการคัดเลือกบริษัทอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ในการดูแลฐานข้อมูล[4]

สำหรับฐานข้อมูลแบบกระจายจะมีการเก็บฐานข้อมูลไว้หลายแห่งโดยแต่ละแห่งอาจมีเฉพาะข้อมูลเลขหมายของผู้ให้บริการโครงข่ายของตนเองแห่งเดียวเท่านั้น ข้อมูลทั้งหมดของเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งที่ไม่ได้โอนย้ายและทำการโอนย้ายแล้วจะได้จากการรวบรวมฐานข้อมูลจากแต่ละแห่ง[4]

ใกล้เคียง

การคงสิทธิเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ การค้าประเวณี การคัดเลือกโดยธรรมชาติ การคุมกำเนิด การคัดแยกผู้ป่วย การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีไทย การควบคุมอารมณ์ตนเอง การสงครามสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี การลงจอด การลงคะแนนเสียงในสวิตเซอร์แลนด์