กรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในเมืองจุดหมายปลายทางที่นิยมมากแห่งหนึ่งของโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทั้งโลกเดินทางมากรุงเทพฯ กว่า 22.7 ล้านคน
[1] และการที่ใน พ.ศ. 2556 มีนักท่องเที่ยวกว่า 15.98 คนเดินทางเข้ามา ทำให้มาสเตอร์การ์ดจัดให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้น ๆ ของโลกจาก
การจัดอันดับสุดยอดจุดหมายปลายทางโลกของมาสเตอร์การ์ด และในการจัดอันดับเดี่ยวกันนี้เอง ได้ระบุว่ากรุงเทพมหานครเป็นสุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางปี พ.ศ. 2555, 2556, 2559, 2560, 2561
[2][3] และ 2562
[4]ใน พ.ศ. 2556 กรุงเทพฯ ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 4 ในด้านของจำนวนเงินการใช้จ่ายข้ามพรมแดน โดยเป็นรองจาก
นิวยอร์ก ลอนดอน และ
ปารีส[5] ในปี พ.ศ. 2554
ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนลจัดให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองยอดนิยมอันดับที่ 6
[6] ด้วยความนิยมทั้งหลายนี้เองทำให้กรุงเทพฯ ได้รับฉายาว่า "เมืองที่ดีที่สุดในโลก" จากการสำรวจผู้อ่าน
นิตยสาร Travel + Leisure เป็นเวลาสี่ปีติดต่อกันนับตั้งแต่ปี 2553
[7]การที่เป็นกรุงเทพฯ เป็นประตูแก่ผู้มาเยือน ทำให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุดในไทย ถึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศจะมีจำนวนมาก แต่
การท่องเที่ยวภายในประเทศก็ถือว่ามีความสำคัญ ใน พ.ศ. 2553
กรมการท่องเที่ยวระบุว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทย 26,861,095 คนและชาวต่างชาติ 11,361,808 คนเดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ มีแขกเข้าพักกว่า 15,031,244 คน คิดเป็นร้อยละ 49.9 ของห้องพักทั่วกรุง
[8] นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนกรุงเทพฯ ใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากจะใช้จ่ายในอุตสาหกรรมค้าปลีก โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวชาวจีนจะอาศัยอยู่ในไทยเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์โดยจะใช้เงินประมาณ 1,000–1,300 ดอลลาร์ต่อคน หรือคิดเป็นคนละ 167 ดอลลาร์ต่อวัน
[9]สถานที่ท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ และวิถีชีวิตของชุมชนเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลากหลายกลุ่มให้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ
พระบรมมหาราชวัง วัดรวมถึง
พิพิธภัณฑ์ เป็นรูปแบบของการท่องเที่ยวเชิง
ประวัติศาสตร์และ
วัฒนธรรม มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหารหลากหลายรูปแบบ หลากหลายราคาให้เลือกลอง นอกจากนี้แล้ว กรุงเทพฯ ยังขึ้นชื่อเรื่องสถานบันเทิงและวิถีชีวิตยามค่ำคืน ถึงแม้ว่ากรุงเทพฯ จะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่อง
การท่องเที่ยวทางเพศ แต่รัฐบาลก็ยังไม่ออกมายอมรับ