อรรถาธิบาย ของ การนับรวมทุกกลุ่มคน

การครอบคลุมทุกกลุ่มคน พลเมือง (citizen) และ ความเป็นพลเมือง (citizenship) ที่ปัจเจกบุคคลได้รับจากการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพในศตวรรษที่ 18 เป็นหัวใจสำคัญของระเบียบและอัตลักษณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งในด้านของการร่างและกำหนดเนื้อหารัฐธรรมนูญ ไปจนถึงการถูกบังคับใช้อย่างทั่วไปเสมอหน้ากัน โดยคุณลักษณะสำคัญของความเป็นพลเมืองสมัยใหม่ (modern citizenship) คือความเท่าเทียมกัน (equality) โดยความเท่าเทียมกันนี้ยังสามารถถกเถียงได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความเป็นสากล (universal) คือความเป็นมนุษยชาติที่เท่าเทียมกัน กับความเป็นเฉพาะ (particular) ของแต่ละประเทศชาติที่จะกำหนดให้พลเมืองเท่าเทียมกัน ซึ่งในด้านของกฎหมายสูงสุด รัฐธรรมนูญได้กลายเป็นกลไกหนึ่งในการสร้างชุมชนในจิตนาการ (imagined community) ให้กับประชาชนในชาติว่ามีความเท่าเทียมกันเสมอหน้าต่อกฎหมายสูงสุด ตราบเท่าที่ยังเป็นสมาชิกในชุมชนการเมืองนั้นๆ นอกจากนี้ความเท่าเทียมดังกล่าวจึงมีความใกล้ชิดกับระบอบการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่ให้สิทธิประชาชนในการเข้าแข่งขันกันอย่างเสรีในกลไกตลาด (Rosenfeld, 2010: 211-223)[2] บุคคลที่มีสิทธิตามที่กฎหมายกำหนดทั้งในด้านของสิทธิ (rights) และ การให้สิทธิ (entitlements) ทำให้พลเมืองมีความใกล้ชิดและต้องเข้าไปมีปฏิสัมพันธ์กับอำนาจรัฐเสมอ ไม่ว่าจะโดยการเลือกตั้ง การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เสรีภาพในการแสดงออก การควบคุมการออกฎหมาย ไปจนถึงการรับผลประโยชน์บางประการที่รัฐจัดหามาให้ ด้วยเหตุนี้ เสรีภาพในการแสดงออกของพลเมืองจึงต้องเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดไว้ในกฎหมายสูงสุดของประเทศเพื่อคุ้มครองความเป็นพลเมืองให้กับประชาชน

ฐานทางความคิดของการครอบคลุมทุกกลุ่มคนในระบบการเมือง มีที่มาจากการพัฒนาสังคมสู่ความเป็นสมัยใหม่ (modernization) และกระแสโลกาภิวัตน์ (globalization) ที่พยายามวางมาตรฐานของชีวิตทางสังคมการเมืองให้กลายเป็นแบบแผนเดียว จนทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจัดการกับความแตกต่างทางสังคม ทั้งในเรื่องชาติกำเนิด ชาติพันธุ์ สีผิว เพศ และอัตลักษณ์เฉพาะบางอย่าง ที่อาจทำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวถูกผลักออกจากการรับรองให้มีสิทธิเสรีภาพ หลักการความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมของพลเมืองจึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อวางหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนทุกคนในสังคมจะต้องถูกรับรองและสามารถใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวได้อย่างเสมอหน้ากัน เช่น สิทธิมนุษยชน และสิทธิพลเมือง อย่างสิทธิในการเลือกตั้งและ เสรีภาพในการแสดงออก เป็นต้น

การครอบคลุมทุกกลุ่มคนในระบบการเมือง มีความสัมพันธ์กับประชาธิปไตย (democracy) และสังคมที่เป็นประชาธิปไตย (democratic society) อย่างยิ่ง โดยงานของ Dahl (1989: 221)[3] ได้กล่าวถึงส่วนประกอบของประชาธิปไตยไว้ 7 ประการคือ

  1. ผู้ปกครองมาจากการเลือกตั้ง (elected officials)
  2. การเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม (free and fair election)
  3. การเลือกตั้งที่พลเมืองทุกคนมีสิทธิลงคะแนน (inclusive election)
  4. สิทธิในการเข้าแข่งขันในการเลือกตั้ง (the right to run for office)
  5. เสรีภาพในการแสดงออก (freedom of expression)
  6. การรับรู้ข้อมูลทางเลือก (alternative information)
  7. ความเป็นอิสระของการรวมกลุ่ม (associational autonomy)

ใกล้เคียง

การนับระยะปลอดภัย การนัดหยุดเรียนเพื่อภูมิอากาศ การนั่งสมาธิ การนัดหยุดงานของสมาคมอาชีพนักเขียนแห่งอเมริกา ค.ศ. 2007–2008 การนับรวมทุกกลุ่มคน การนับ การนับถอยหลัง การนับจำนวนเซลล์เม็ดเลือด การนั่ง การนัดหยุดงานทั่วไป