การปะทุแบบพลิเนียน (
อังกฤษ: Plinian eruption) คือ รูปแบบการปะทุของ
ภูเขาไฟที่มีต้นแบบจากการปะทุของ
ภูเขาไฟวิสุเวียสเมื่อปี
ค.ศ. 79 ซึ่งทำลายเมือง
ปอมเปอีและ
เฮอร์คิวเลเนียมของ
จักรวรรดิโรมัน คำว่าพลิเนียนถูกตั้งตามชื่อ
พลินีผู้เยาว์ ผู้บรรยายลักษณะการปะทุของภูเขาไฟวิสุเวียสไว้ในจดหมายฉบับหนึ่ง และผู้ซึ่งลุงของเขา
พลินีผู้อาวุโส เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
[1]การปะทุแบบพลิเนียนมีลักษณะเด่น ได้แก่ การเกิดลำก๊าซและ
เถ้าภูเขาไฟตั้งสูงขึ้นไปในบรรยากาศชั้น
สตราโทสเฟียร์ ซึ่งเป็นบรรยากาศชั้นที่สองของโลก การขับ
หินพัมมิสออกจากปากปล่องในปริมาณมาก และการปะทุเป่าก๊าซออกมาอย่างต่อเนื่องและรุนแรงเมื่อเทียบระดับความรุนแรงตาม
ดัชนีการระเบิดของภูเขาไฟ (Volcanic Explosivity Index; VEI) การปะทุแบบพลิเนียนจะมีค่าดัชนีอยู่ระหว่าง 4-6 นอกจากนี้ยังมีการกำหนดการปะทุแบบ "ซับพลิเนียน" (sub-Plinian) มีระดับความรุนแรง 3 หรือ 4 และแบบ "อัลตราพลิเนียน" (ultra-Plinian) มีระดับความรุนแรง 6-8การปะทุแบบสั้นอาจจบได้ภายในวันเดียว การปะทุแบบยาวอาจดำเนินตั้งแต่หลายวันจนถึงหลายเดือน ซึ่งการปะทุแบบยาวจะเริ่มต้นด้วยการก่อตัวของเมฆเถ้าภูเขาไฟและบางครั้งก็เกิด
การไหลไพโรคลาสติก หินหนืด (แมกมา) อาจถูกพ่นออกมาจากโพรงหินหนืดใต้ภูเขาไฟจนหมด ทำให้ยอดภูเขาไฟยุบตัวลงเกิดเป็น
แอ่งภูเขาไฟรูปกระจาด (caldera) ส่วนเถ้าละเอียดอาจตกลงมาทับถมกันเป็นบริเวณกว้าง และบ่อยครั้งที่การปะทุแบบพลิเนียนทำให้เกิดเสียงดังมาก เช่นจากการปะทุของภูเขาไฟ
กรากะตัวในอินโดนีเซียเมื่อปี ค.ศ. 1883