เบื้องหลัง ของ การระดมยิงคาโงชิมะ

ภายหลังจากกรณีนามามูงิ นาวาโท จอห์น นีล อุปทูตอังกฤษ ได้เรียกร้องคำขอโทษและค่าสินไหมจากรัฐบาลเอโดะ เป็นจำนวนเงิน 100,000 ปอนด์ หรือประมาณ 1/3 ของรายได้ทั้งปีของรัฐบาลเอโดะ[1] ซึ่งนีลได้ยื่นคำขู่ถึงรัฐบาลเอโดะว่าหากไม่ได้รับค่าสินไหม[2] อาจจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการด้วยกำลัง นอกจากนี้ อังกฤษยังเรียกร้องจากแคว้นซัตสึมะให้มีการจับกุมและดำเนินคดีแก่ผู้กระทำผิด และเงินอีก 25,000 ปอนด์สำหรับเหยื่อที่รอดชีวิตและครอบครัวของชาลส์ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลเอโดะ โดย โองาซาวาระ นางามิจิ ผู้แทนโชกุน[3] ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะมีปัญหากับชาติยุโรป ซึ่งขณะนั้นต้องเผชิญกับภัยคุกคามทั้งฝรั่งเศสและอังกฤษ

รัฐบาลเอโดะได้ปฏิเสธที่จะขอโทษและการจ่ายค่าสินไหมแก่อังกฤษรวมไปถึงการลงโทษซามูไรสองคนที่ก่อเหตุ ซึ่งญี่ปุ่นได้อ้างถึงผลประโยชน์มากมายของชาวยุโรปในญี่ปุ่น รวมถึงสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่กฎหมายญี่ปุ่นไม่มีผลบังคับใช้กับชาวต่างชาติ ซึ่งบรรดาข้อตกลงที่ไม่มีความยุติธรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ญี่ปุ่นถูกบีบบังคับให้จำยอม

จากความอยุติธรรมของชาติมหาอำนาจยุโรป ทำให้เกิดกระแสต่อต้านชาวยุโรปขึ้นในญี่ปุ่น ซึ่งแผ่ขยายไปทั้งประเทศ ในห้วงเวลานั้น สมเด็จพระจักรพรรดิโอซาฮิโตะก็ทรงตรา "โองการขับไล่คนเถื่อน" ขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2406 ซึ่งชาติยุโรปเลือกที่จะโต้ตอบด้วยวิธีการทางทหาร เรือสินค้าของอเมริกา เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศสที่ผ่านช่องแคบชิโมโนเซกิล้วนถูกโจมตี ซึ่งทำให้กองเรือผสมที่นำโดยราชนาวีอังกฤษต้องระดมยิงตอบโต้เพื่อป้องกันเรือสินค้า

ใกล้เคียง

การระบาดทั่วของโควิด-19 การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศทาจิกิสถาน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศซาอุดีอาระเบีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศแทนซาเนีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบังกลาเทศ