วิธี ของ การระรานทางไซเบอร์

คู่มือการให้ข้อมูลต่อสาธารณชน อาจารย์และผู้ปกครอง ให้ข้อมูลว่า "การระรานทางไซเบอร์เป็นการทำร้ายผู้อื่นโดยการส่งหรือการประกาศความเสียหายโดยใช้โทรศัพท์หรือทางอินเทอร์เน็ต" การวิจัย ตัวบทกฎหมาย และการศึกษาในด้านนี้ยังคงมีต่อไป นิยามโดยพื้นฐานและคู่มือเพื่อจะให้จำแนกและจัดการเกี่ยวกับการข่มเหงทางการสื่อสารด้านอิเล็กทรอนิกส์ ได้มีการจำแนกออกมา

  • การระรานทางไซเบอร์ เป็นพฤติกรรมซ้ำ ๆ ที่มีเจตนาทำให้เกิดความเสียหาย
  • การระรานทางไซเบอร์ เป็นการก่อการโดยการรังควาน การเกาะติดชีวิตออนไลน์ผู้อื่น การหมิ่นประมาท (โดยการส่งหรือการประกาศคำนินทาและทำเรื่องลวงให้เกิดความเสียหายซ้ำแล้วซ้ำเล่า) การปลอมตัวเป็นผู้อื่น และการกีดกัน (โดยตั้งใจและหยาบคาย เพื่อแยกให้เหยื่อออกจากกลุ่ม)[5]

การระรานทางไซเบอร์อาจกระทำอย่างง่าย อย่างการส่งอีเมล ส่งข้อความเพื่อรังควาน จากใครบางคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ส่ง อาจเป็นการกระทำในสาธารณะ เช่น การข่มขู่ซ้ำ ๆ การให้ความเห็นทางเพศ การพูดคำหยาบ (เช่น ประทุษวาจา) หรือการหมิ่นประมาทด้วยข้อความอันเป็นเท็จ การรวมกลุ่มกันระรานเป้าหมายโดยการล้อเลียน การแฮ็ก หรือการทำเว็บไซต์ก่อกวน และการประกาศความเท็จว่าให้เป็นจริงโดยการทำลายชื่อเสียงหรือทำให้เกิดความขายหน้าต่อเหยื่อ[6]

การระรานทางไซเบอร์อาจมีการเปิดโปงข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อ เช่น ชื่อจริง ที่อยู่ ที่ทำงาน โรงเรียน บนเว็บไซต์หรือฟอรัม หรืออาจปลอมตัว สร้างบัญชีปลอม เพื่อตอบความเห็นหรือแกล้งทำตัวเป็นเหยื่อเพื่อทำลายชื่อเสียงผู้นั้น ซึ่งทำให้ผู้ก่อการนิรนามนี้ยากต่อการหาคนทำผิด หรือลงโทษจากพฤติกรรมดังกล่าว ถึงแม้ว่าผู้ก่อการมักจะไม่แสดงตน แต่ก็ไม่เสมอไป การส่งข้อความและอีเมล์ระหว่างเพื่อนด้วยกันเพื่อทำร้ายกันก็เป็นการระรานทางไซเบอร์

การใช้แอปพลิเคชันโทรศัพท์มือถือและการเติบโตของสมาร์ตโฟนก่อให้เกิดรูปแบบที่ง่ายต่อการระรานทางไซเบอร์ คาดว่าการระรานทางไซเบอร์ผ่านระบบโทรศัพท์มือถือมีขอบเขตที่กว้างขึ้น นอกจากนี้การใช้กล้องถ่ายรูปและอินเทอร์เน็ต ผ่านเทคโนโลยีของสมาร์ตโฟน ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการระรานกัน และดูเหมือนว่าการระรานผ่านโทรศัพท์มือถือจะมากกว่าการระรานวิธีอื่น[7]

ในโซเชียลมีเดีย

การระรานทางไซเบอร์ อาจเกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียอย่าง เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ จากข้อมูลปี ค.ศ. 2008 ร้อยละ 93 ของวัยรุ่นอายุระหว่าง 12 ถึง 17 อยู่บนโลกออนไลน์ และวัยรุ่นใช้เวลาบนสื่อนี้มากกว่ากิจกรรมอื่น ๆ ไม่นับการนอนหลับ[8] สื่อสังคมออนไลน์นี้เสียงต่อการระรานผู้อื่นทางไซเบอร์ มีเด็ก 1 ล้านคนถูกรังควาน ข่มขู่ บนเฟซบุ๊กในปี 2008 ขณะที่มีร้อยละ 95 ของวัยรุ่นที่ใช้สังคมออนไลน์มีส่วนรู้ส่วนเห็น พฤติกรรมการระรานและร้อยละ 35 ระรานผู้อื่นเป็นประจำ และร้อยละ 55 เห็นคนระรานกันทางไซเบอร์เป็นประจำ[9] จากข้อมูลวิจัยของ พิวรีเสิร์ช มีเด็กวัยรุ่น 8 คนใน 10 คน ใช้สื่อสังคมออนไลน์เพื่อแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาเอง รวมถึงสถานที่ ภาพ และข้อมูลติดต่อ[10]

ใกล้เคียง

การระบาดทั่วของโควิด-19 การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย การระบาดทั่วของโควิด-19 เรียงตามประเทศและดินแดน การระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 การระบาดทั่วของไข้หวัดใหญ่ การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศทาจิกิสถาน การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศซาอุดีอาระเบีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศแทนซาเนีย การระบาดทั่วของโควิด-19 ในทวีปยุโรป การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศบังกลาเทศ

แหล่งที่มา

WikiPedia: การระรานทางไซเบอร์ http://www.nytimes.com/2010/10/02/nyregion/02suici... http://definitions.uslegal.com/c/cyber-bullying/ http://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/j.1469-... http://www.cyberpsychology.eu/view.php?cisloclanku... http://www.nsf.gov/discoveries/disc_summ.jsp?cntn_... http://www.csriu.org/cyberbully/docs/cbcteducator.... //doi.org/10.1111%2Fj.1469-7610.2007.01846.x http://www.internetsafety101.org/cyberbullyingstat... http://www.pewinternet.org/2013/05/21/teens-social... http://www.pewresearch.org/millennials/teen-intern...