การวาร์ปในความเป็นจริง ของ การวาร์ป

 การวาร์ปหรือการหายตัวจากที่หนึ่งแล้วไปโผล่ยังอีกที่หนึ่งได้ในเวลาพริบตา ซึ่งก็มีตัวอย่างให้เห็นได้ทั้งจากในเกมและในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง อย่างเช่นเรื่อง Star Trek ที่ใช้ยานอวกาศขับเคลื่อนด้วยการวาร์ป ซึ่งหลักการนี้มีพื้นฐานมาจากทฤษฏีสัมพัทธภาพของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ แต่กระนั้นไอน์สไตน์เองก็ระบุไว้ว่าการเดินทางที่เร็วกว่าแสงเป็นสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ ล่าสุดนักวิจัยขององค์การนาซา เผยว่า มีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะเดินทางด้วยความเร็วสูงกว่าแสงและ วาร์ปไปยังที่ต่างๆ ได้ในเวลาพริบตาจริงๆ

ดร.ฮาโรลด์ ไวต์ นักวิจัยขององค์การนาซา จากศูนย์อวกาศลินดอน บี จอห์นสัน เผยว่ามีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะเดินทางด้วยความเร็วสูงกว่าแสงและวาร์ปไปยังที่ต่างๆ ได้ในเวลาพริบตาจริงๆ ด้วยการพยายามพิสูจน์ทฤษฎีของนักฟิสิกส์ชาวเม็กซิกันอย่างมิเกล อัลคับเบียร์ที่เสนอว่าความเร็วเหนือแสงนั้นเป็นไปได้ หากเราค้นพบวิธีที่จะควบคุมการขยายและการหดตัวของ Space Time หรือ กาลอวกาศ

ขณะเดียวกันได้เปิดตัวภาพต้นแบบของยานอวกาศ IXS Enterprise ที่จะช่วยพาเราวาร์ปไปสำรวจจักรวาลซึ่งเป็นผลงานของมาร์ก เรดเมเกอร์ โดยยานดังกล่าวได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพของ แมท เจฟเฟอรี่ในช่วงปี 1960 โดยตัวยานจะมีรูปร่างเพรียวบางและตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างวงแหวนสองวง

ซึ่งเหตุที่ต้องมีวงแหวนเช่นนี้เป็นเพราะเขาจะใช้วงแหวนเป็นตัวบิดกาลอวกาศแล้วสร้างช่องว่างหรือ warp bubble ขึ้นโอบรอบตัวยานและเมื่อ warp bubble เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าแสง มันก็จะพายานที่อยู่ด้านในววาร์ปไปโผล่ยังอีกที่หนึ่งได้ด้วยเช่นกัน

ตอนนี้แม้หลักการดังกล่าวยังไม่สามารถใช้งานได้จริง แต่ทางทีมของดร.ฮาโรลด์ ไวต์ก็ได้สร้างเครื่องมือที่เรียกว่า White-Juday Warp Field Interferometer เอาไว้ในห้องทดลองเพื่อจำลองการสร้าง warp bubble ขนาดย่อมๆ ขึ้นมาและหากสามารถทำได้จริงก็มีแนวโน้มที่จะขยายไปยังยานอวกาศได้ไม่ยาก ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความเป็นไปได้ที่เราจะเดินทางสำรวจอวกาศด้วยการย่นระยะเวลาการเดินทางจากเดิมที่อาจจะต้องใช้เวลาเป็นหมื่นปีก็จะลดลงเหลือเพียงไม่กี่สัปดาห์