เมนูนำทาง
การเจาะน้ำคร่ำ ความเสี่ยงและข้อเสียการเจาะน้ำคร่ำจะทำในช่วงอายุครรภ์ 15-20 สัปดาห์ หากทำเร็วกว่านี้จะมีความเสี่ยงที่การเจาะจะทำอันตรายต่อแขนขาของทารก ส่วนใหญ่นิยมทำที่อายุครรภ์ 18 สัปดาห์[2]
งานวิจัยปีค.ศ. 1970 ประเมินความเสี่ยงของการแท้งที่เกิดจากการเจาะน้ำคร่ำไว้ที่ประมาณ 1 ใน 200 (0.5%)[3]
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงของการเกิดภาวะน้ำคร่ำหลุดอุดหลอดเลือดอีกด้วย[4]
พบมีการสูญเสียน้ำคร่ำชั่วคราวในหญิงตั้งครรภ์ที่รับการเจาะน้ำคร่ำมากกว่าในกลุ่มที่ไม่ได้เจาะ แม้อาจไม่ทำให้เกิดผลการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติมากนักก็ตาม[5] การสูญเสียน้ำคร่ำนี้เกือบทั้งหมดเป็นการสูญเสียน้ำคร่ำเพียงเล็กน้อยและมักหยุดได้เองภายใน 1 สัปดาห์ พร้อมกันกับการมีปริมาณน้ำคร่ำเพิ่มขึ้นกลับมาเท่าปกติ[6][7] การหยุดรั่วนั้นเชื่อว่าไม่ได้เป็นผลโดยตรงจากการซ่อมแซมเยื่อบุที่ถูกเจาะ แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของชั้น decidua และชั้นกล้ามเนื้อมดลูกที่ป้องกันไม่ให้มีการรั่วมากขึ้น
โอกาสที่จะเกิดอันตรายโดยตรงต่อทารกจากเข็มเจาะนั้นมีน้อยมากหากใช้การเจาะน้ำคร่ำพร้อมอัลตราซาวนด์ การทดลองแบบสุ่มชิ้นหนึ่งทำกับหญิงตั้งครรภ์ 2239 คนที่ใช้การเจาะน้ำคร่ำพร้อมอัลตราซาวนด์ไม่พบว่ามีอันตรายโดยตรงต่อทารก
เมนูนำทาง
การเจาะน้ำคร่ำ ความเสี่ยงและข้อเสียใกล้เคียง
การเจริญของประสาทในมนุษย์ การเจาะน้ำคร่ำ การเจาะเลือดเสียออกจากร่างกาย การเจรจา (เทอร์บอร์ค) การเจาะน้ำไขสันหลัง การเจาะสำรวจด้วยหัวเจาะเพชร การเจรจา การเจริญเกินของต่อมลูกหมาก การเจียระไนเพชร การเจริญเติบโตของหนอนที่พบในศพแหล่งที่มา
WikiPedia: การเจาะน้ำคร่ำ http://www.amniodex.com http://linkinghub.elsevier.com/retrieve/pii/S0140-... http://www.webmd.com/content/article/129/117333.ht... http://www.health.harvard.edu/diagnostic-tests/amn... //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/3109636 //pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/9291904 //www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC1246486 http://www.nlm.nih.gov/cgi/mesh/2011/MB_cgi?field=... //doi.org/10.1016%2FS0140-6736(97)02449-5