อรรถาธิบาย ของ การเพิ่มอำนาจ

“การเพิ่มอำนาจ” ในทางทฤษฎีหมายถึงการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการเมือง ที่ทำให้ความสัมพันธ์เชิงอำนาจมีการเปลี่ยนแปลงไปจากกลุ่มอำนาจเก่า ไปสู่กลุ่มอื่นๆ โดยอำนาจมีลักษณะที่กระจายตัวไปตามกลุ่มต่างๆมากยิ่งขึ้น (Budryte, 2011: 504)[2] คำอธิบายนี้จึงใช้กับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจในช่วงทศวรรษ 1970s หรือระหว่างยุคสงครามเย็น ที่เกิดตัวแสดงใหม่ทั้งจากฝั่งยุโรปและอเมริกา คือ ขบวนการทางสังคม (Social Movement) และพื้นที่ประชาสังคม (Civil Society) ที่ได้รับการเพิ่มอำนาจในการต่อรองกับนโยบายของรัฐและการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิเสรีภาพ วิถีชีวิต อัตลักษณ์ และชุมชนของตนเอง การเพิ่มอำนาจจึงสามารถวิเคราะห์ได้ทั้งระดับจุลภาค (micro level) คือการหาว่าใครหรือองค์กรใดได้รับการเพิ่มอำนาจขึ้นบ้าง และการวิเคราะห์ระดับมหภาค (macro level) คือการมองโครงสร้างความสัมพันธ์เชิงอำนาจว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ในทางปฏิบัติ งานของโบรห์แมน (Brohman, 1996: 201-225)[3] ได้ยกตัวอย่างว่า การเพิ่มอำนาจคือรูปแบบหนึ่งของการพัฒนาทางเลือก (alternative development) ในการตอบสนองความต้องการ (needs) ของมนุษย์ ไม่ใช่เพียงการพัฒนาตัวเลขทางเศรษฐกิจ การพัฒนาทางเลือกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา จะต้องมีการเพิ่มอำนาจเพื่อให้ประชาชนมีความสามารถที่จะเลือกวิถีชีวิต และได้รับการตอบสนองหรือเข้าถึงความต้องการพื้นฐานในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี การเพิ่มอำนาจดังกล่าวอาจมองในเชิงวัตถุ เช่น การมอบสิทธิในการรักษาพยาบาล การมอบสิ่งของที่เป็นปัจจัยสี่ ฯลฯ หรือมองในเชิงนามธรรม เช่น การมอบเสรีภาพในการมีชีวิตอยู่ การมอบเสรีภาพในการชุมนุมเคลื่อนไหวเรียกร้องหาความเป็นธรรม ฯลฯ

ใกล้เคียง

การเพาะเลี้ยงพืชและสัตว์ในน้ำ การเพาะเลี้ยงวงศ์ปลาแซลมอน การเพิ่มจำนวนอาวุธปืนในประเทศไทย การเพิ่มของระดับน้ำทะเล การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช การเพิ่มความเป็นขั้วของกลุ่ม การเพาะเชื้อจากเลือด การเพิ่มอำนาจ การเพาะปลูก การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ