ประวัติ ของ กาเลน_มาเรก

วัยเด็ก

กาเลนในวัยเด็ก ขณะที่ดาร์ธ เวเดอร์พบเขาเป็นครั้งแรก

กาเลน มาเรก เป็นบุตรชายของเคนโตและมิลลี มาเรก ทั้งคู่เป็นเจไดที่รอดชีวิตจากคำสั่งที่ 66 ซึ่งเดินทางหาที่หลบภัยจนมาพบกับเหล่าวูกีแห่งคาชี้ก มารดาของเขาถูกสังหารในขณะช่วยป้องกันคาชี้กจากทาสทรานโดชานที่ถูกว่าจ้างโดยสมาพันธ์แบ่งแยก ทำให้เคนโตต้องเลี้ยงดูกาเลนเพียงลำพัง และจากการเสียชีวิตของมิลลีนี้เองทำให้จักรวรรดิรู้ว่าเคนโตอยู่ที่คาชี้ก

ไม่นานหลังจากการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่เริ่มต้นขึ้น จักรวรรดิเข้าโจมตีคาชี้ก ดาร์ธ เวเดอร์มาถึงคาชี้กด้วยยานกระสวยส่วนตัวสำหรับภารกิจสังหารเจได เคนโตเข้าต่อสู้กับเวเดอร์อย่างดุเดือดแต่ก็ไม่อาจเอาชนะได้ ในขณะที่เวเดอร์กำลังจะสังหารเคนโตในดาบสุดท้ายนั้นเอง กระบี่แสงของเขาถูกดึงหลุดออกจากมือ เมื่อหันไปดูกลับพบเด็กชายคนหนึ่งถือกระบี่แสงของเขาเอาไว้ เวเดอร์สัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้มีสัมผัสแรงกล้าในพลัง

หลังจากเวเดอร์สังหารบิดาของเด็กชายแล้ว ผู้บังคับบัญชาสตอร์มทรูปเปอร์ที่เป็นผู้นำการเข้าโจมตีก็มาถึง และกลับเข้าใจผิดว่าเด็กชายคิดทำร้ายเวเดอร์ เขาจึงสั่งให้ทหารในบังคับบัญชาโจมตีสังหารเด็กชาย เวเดอร์ดึงดาบจากเด็กชายอย่างรวดเร็วและปัดป้องกระสุนเป็นผลสังหารทหารสตอร์มทรูปเปอร์เหล่านั้น เพื่อกำจัดผู้รู้เห็นตัวตนของเด็กชาย จากนั้นเขาจึงนำกาเลนน้อยเดินทางออกจากคาชี้กไปพร้อมกัน และฝึกเขาให้เป็นศิษย์ของตนโดยลับ

ฝึกฝนกับเวเดอร์

กาเลน มาเรกกำลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศิษย์ของเวเดอร์

ภายใต้การกักกัน เวเดอร์ฝึกสอนวิถีแห่งพลังให้กับมาเรกด้วยตัวเอง ในช่วงแรกเด็กชายต้องตกอยู่ภายใต้ความกลัว มิได้ถูกฝึกสอนชี้นำทุกย่างก้าวโดยนายใหม่แต่อย่างใด แต่ต้องพยายามหาหนทางให้ได้ด้วยตัวเอง เฉพาะเมื่อเห็นว่าหลงทางชัดแล้วเท่านั้นที่เวเดอร์จะมอบคำแนะนำสั่งสอนเล็กน้อยให้ ในบทเรียนส่วนตัวนับหลายครั้งซึ่งมักมีกระบี่แสงและอำนาจพลังมาเกี่ยวข้องกัน เวเดอร์ไม่เคยมอบคำชื่นชมให้กำลังใจแก่มาเรกแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเวเดอร์ยังไม่เคยร่วมถกประเด็นหรือสนทนาลึกซึ้งกับเด็กชายแต่อย่างใดด้วย และในระหว่างกิจกรรมฝึกฝนอันโหดร้ายนั้น กาเลนต้องเค้นความสามารถออกมาใช้ถึงขีดสุด การฝึกฝนทางร่างกายนั้นเกือบจะเรียกได้ว่าเป็นการทรมาน และต้องเฉียดตายหลายต่อหลายครั้ง

กำจัดเจไดที่เหลือรอด

ราห์ม โคตา

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้
พบกับเอคลิปส์
ต้องไม่มีพยาน
ประลองกับโคตา

บททดสอบแห่งทักษะ

แคซเดน พาราตัส

มาถึงวิหาร
เผชิญหน้าพาราตัส

บททดสอบแห่งการรู้ตัวตน

ล่าช้าก ติ

ต่อสู้กับช้าก ติ

"การหักหลัง" ของเวเดอร์

ฟื้นคืนชีพและเป้าหมายใหม่

เยือนวิหารเจไดครั้งสุดท้าย

ตามหาราห์ม โคตา

ช่วยเหลือเจ้าหญิง

ตามหาวุฒิสมาชิกฯ

ต่อสู้กับจักรวรรดิ

ความพยายามครั้งสุดท้ายของพร็อกซี่

คำประกาศการกบฏ

การประลองบนดาวมรณะ

กาเลน มาเรกบนดาวมรณะ

มาเรกทำสมาธิเพื่อค้นหาที่อยู่ของอดีตอาจารย์ของเขาจนในที่สุดสามารถได้พลังหยั่งรู้อนาคตมาได้ทำให้ทราบว่าดาวมรณะนั้นอยู่ระหว่างการก่อสร้างที่ระบบดาวโฮรุซ หลังจากที่จูโนได้ใช่ความเชี่ยวชาญบังคับยานโร้ก ชาโดว์โดยใช้ระบบพรางตาเดินทางเข้ามาใกล้พอจนสามารถลงไปยังดาวมรณะได้แล้ว มาเรกได้บอกลาจูโน โดยทั้งสองมีความรู้สึกเหมือนกันว่าคงไม่ได้เจอกันอีก ทั้งสองสวมกอดกันและจุมพิตซึ่งกันและกัน หลังจากนั้นมาเรกจึงกระโดดออกจากยานและร่วงผ่านอุโมงค์ยาวเข้าไปในสถานีอวกาศ มาเรกสังหารทหารจักรวรรดิทั้งหมดที่ขวางทางขณะที่พยายามตั้งจิตไปอยู่ที่การเข้าถึงจักรพรรดิ ระหว่างทางเขาได้กระตุ้นการปฏิวัติโกลาหลโดยปล่อยทาสวูกีออกจากที่คุมขัง ซึ่งวูกีเหล่านี้ได้ชี้นำทางไปต่อให้เขา

พัลพาทีนรับรู้ถึงการมาของมาเรกและได้ส่งดาร์ธ เวเดอร์ออกตามล่า สุดท้ายแล้วมาเรกกับเวเดอร์ก็พบกันในระยะไม่กี่ร้อยเมตรจากพัลพาทีนและเหล่าผู้นำกบฏ ทั้งสองต่อสู้กันดุเดือดและมาเรกก็ได้ถามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตของเขาจากเวเดอร์ระหว่างการต่อสู้ สุดท้ายแล้วจึงสรุปได้ว่าพัลพาทีนเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังมาตลอด ตั้งแต่ออกคำสั่งสังหารบิดาของเขา สั่งให้เวเดอร์เลี้ยงดูมาเรก โดยเวเดอร์เพียงทำทุกอย่างตามที่จักรพรรดิต้องการ การต่อสู้จบลงโดยมาเรกใช้พลังจับขว้างทั้งเสาทั้งอะไรก็ตามใกล้มือเข้าใส่เวเดอร์ หลังจากที่ปราบนายเก่าลงได้สำเร็จจนใกล้สิ้นชีพแล้วมาเรกเกิดสัมผัสได้ถึงความปรารถนาแรงกล้าที่จะปลิดชีวิตเวเดอร์และเข้าเป็นศิษย์คนใหม่ของพัลพาทีน พัลพาทีนได้ใช้พลังเคลื่อนย้ายบังคับมาเรกให้สังหารดาร์ธ เวเดอร์และเข้าแทนที่ลอร์ดมืด เมื่อรู้ทันกลของพัลพาทีนแล้วโคตาได้ใช้พลังดึงเอากระบี่แสงของพัลพาทีนมาและต่อสู้กับองครักษ์จักรพรรดิปลดปล่อยตัวเขาและผู้นำกบฏคนอื่นๆ หลังจากนั้นจึงพยายามโจมตีจักรพรรดิ พัลพาทีนหันมารับมือโคต้าและใช้พลังสายฟ้าเข้าใส่ มาเรกสับสนในจิตใจอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะตัดสินใจต่อสู้เพื่อปกป้องเพื่อนและครูของตน

กาเลนพยายามสะท้อนพลังสายฟ้าของจักรพรรดิ

มาเรกใช้พลังยกเอาเศษชิ้นส่วนต่างๆ ทุ่มเข้าใส่จักรพรรดิจนพัลพาทีนต้องหันมารับมือการโจมตีนี้ เกิดเป็นการต่อสู้ด้วยพลังครั้งใหญ่ แต่จู่ๆ พัลพาทีนกลับทรุดลงกับพื้นและร้องไห้มาเรกฆ่าตน มาเรกเดินเข้าไปเตรียมสังหารพัลพาทีน พัลพาทีนบอกว่าให้มาเรกยอมจำนนต่อความโกรธและสืบต่อสายเลือดแห่งซิธแทนตัวเขา อย่างไรก็ดี ด้วยความช่วยเหลือจากโคตา มาเรกปฏิเสธคำชวนนี้และไว้ชีวิตจักรพรรดิ เมื่อมาเรกหันหลังกลับพัลพาทีนก็ลุกขึ้นยืนและใช้พลังสายฟ้าโจมตีโคตา มาเรกกระโดดเข้าบังโคตาไว้และพยายามใช้พลังสะท้อนสายฟ้ากลับไป ค่อยๆ เดินเข้าหาซิเดียส

สายฟ้าของจักรพรรดิเข้มข้นมากราวกับทำให้มีการกำเนิดของดาวฤกษ์บนหน้าอกของ มาเรก ขณะเดียวกันดาร์ธ เวเดอร์กลับเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้งพร้อมหมู่ทหารสตอร์มทรูปเปอร์ เมื่อมาเรกเห็นสหายตนอยู่ในอันตรายด้วยแสงจากพลังสายฟ้าเขาเปิดตัวเองเข้ารับพลังและปลดปล่อยทุกสิ่งในตัวออกมาทำให้เกิดเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ของพลังที่ทำให้ทหารสตอร์มทรูปเปอร์ทั้งหมดกระจายออกไปและทำลายหอคอยจักรพรรดิลง เป็นโอกาสให้จูโน โคตา และเหล่าวุฒิฯ คนอื่นๆ หนีไปกับยานโร้ก ชาโดว์ได้ พัลพาทีนกับเวเดอร์ใช้พลังป้องกันตัวเองได้ทันและเชื่อทันทีว่ามาเรกเสียชีวิตแล้ว สุดท้ายมาเรกก็ได้ทำลายแผนการของจักรพรรดิและทำให้กองกบฏถือกำเนิดขึ้นมาได้

สิ่งสืบทอด

เลอาและเบล ออร์กานา ใช้ตราประจำตระกูลมาเรกเป็นสัญลักษณ์ของทัพกบฏ

ผลของการต่อสู้ทำให้พัลพาทีนไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่เขาจะต้องเสียศิษย์ใหม่ทรงพลังไปและยังต้องอยู่กับเวเดอร์ที่อ่อนพลังลงเท่านั้น แต่เหล่านักโทษยังสามารถหลบหนีซิธลอร์ดทั้งสองไปได้ และได้ก่อตั้งทัพกบฏขึ้นมา อย่างไรก็ได้ เพราะมาเรก ทำให้จักรวรรดิทราบแล้วว่าศัตรูของตนเป็นใคร เวเดอร์สาบานจะตามล่าศัตรูเหล่านี้ให้สิ้นตามที่นายตนหวังไว้ก่อนหน้านี้ ซิเดียสมองเห็นล่วงหน้าได้ถูกต้องว่าหากไม่สามารถจัดการพวกกบฏได้อย่างรวดเร็วเด็ดขาดแล้วพวกนี้จะเป็นภัยต่อการครองบัลลังก์ของเขา การต่อสู้ครั้งนั้นยังมีผลอีกอย่างหนึ่งคือยิ่งเพิ่มความบาดหมางระหว่างซิธลอร์ดทั้งสอง บัดนี้เวเดอร์ทราบแล้วว่าซิเดียสปรารถนาศิษย์คนใหม่ ทำให้เขายิ่งตั้งใจค้นหาศิษย์ที่มีความสามารถในพลังเพื่อโค่นล้มจักรพรรดิให้ได้

แม้จะสามารถรอดชีวิตมาได้ แต่การที่มาเรกเสมือนได้สละชีวิตลงในครั้งนี้ก็ได้เป็นแรงบันดาลใจให้เหล่ากบฏสืบสานงานต่อจากเขา คือเริ่มการปฏิวัติครั้งใหญ่ต่อจักรวรรดิ จูโนและเบลได้เก็บเอาพร็อกซี่จากกองหิมะบนคอเรลเลียซึ่งพร็อกซี่ได้เปิดเผยว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับมาเรก ให้ถือว่าพร็อกซี่เป็นสมบัติของจูโน หลังจากกู้พร็อกซี่มาได้แล้วทั้งสองไปสมทบกับเหล่าผู้ก่อตั้งทัพกบฏคนอื่นบนคาชี้ก เจ้าหญิงเลอาได้เสนอให้ทัพกบฏนำเอาตราประจำตระกูลมาเรกมาใช้เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังเพื่อรวมตัวกัน ทั้งหมดเห็นด้วยตามนั้น

จูโนถามโคตาว่าเขารู้หรือไม่ว่าคนที่ก่อตั้งพันธมิตรกบฏนี้คือคนคนเดียวกันกับคนที่พยายามฆ่าโคตาเมื่อไม่ถึงปีก่อนหน้านี้ โคตาเผยว่าเขารู้มาโดยตลอดแต่ก็ยังคงยินดีช่วยเหลืออยู่เพราะเขาเห็นประกายสว่างในใจของมาเรกเป็นสิ่งที่เขายึดถืออย่ นั่นคือจูโน

กาเลน มาเรก เปลี่ยนชะตาของกาแลกซี พันธมิตรกบฏของเขาอยู่รอดและเปลี่ยนกาแลกซีไปตลอดกาล พันธมิตรกบฏนี้ชนะสงครามกลางเมืองกาแลกติกในท้ายที่สุด สาธารณรัฐกาแลกติกได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาเป็นสาธารณรัฐกาแลกติกใหม่ และต่อมาได้สถาปนาใหม่เป็นสหพันธ์กาแลกติก