รูปแบบรายการ ของ กิ๊กดู๋_สงครามเพลงเงินล้าน

กิ๊กดู๋ (24 ตุลาคม พ.ศ. 2553 - 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554)

ทำทำไม

ช่วงทดลองวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าจะใช้ชีวิตประจำวันได้หรือไม่ โดยที่ผู้ชมทางบ้านได้เขียนจดหมายไปยังรายการ และให้รายการได้ทดลองวิทยาศาสตร์ที่ผู้ชมทางบ้านเขียนจดหมาย โดยการนำเสนอคล้ายคลึงกับรายการ จิกะไบต์

คนไทยก็ทำได้

ช่วงที่คนไทยที่จะแสดงความสามารถ ความรอบรู้ต่างๆ ที่อยากจะออกรายการ อาทิเช่น จดจำหมายเลขไปรษณีย์ หรือ หมายเลขสายรถประจำทาง เป็นต้น

สนทนาหาเรื่อง

ช่วงที่พิธีกรที่จะสนทนากับดารารับเชิญที่จะมาเชิญในแต่ละสัปดาห์นั้น ที่เคยมีประเด็นข่าวของวงการบันเทิงต่างๆ

ละคร จิกะดู๋

ช่วงการแสดงละครตลก โดยนักแสดงจากค่ายทริปเปิ้ลทู ได้แก่ ติ๊ก กลิ่นสี, จาตุรงค์ มกจ๊ก, นุ้ย เชิญยิ้ม และนักแสดงจากค่ายเจเอสแอล ได้แก่ วรรธนะ กัมทรทิพย์, เชษฐวุฒิ วัชรคุณ และ เชาวลิต ศรีมั่นคงธรรม (เชาเชา)

รอบสุดท้าย (กิ๊กดวงจู๋ ดู๋ดวงดี)

รอบสุดท้าย (Jackpot) ของรายการกิ๊กดู๋ มีแผ่นป้ายของผู้สนับสนุนรายการทั้งหมด 16 แผ่นป้าย แบ่งเป็นแผ่นป้ายกิ๊ก 8 แผ่นป้าย เป็นแผ่นป้ายเปล่าไม่มีเงินรางวัลแต่อย่างใด และแผ่นป้ายดู๋ 8 แผ่นป้าย มีเงินรางวัล 5,000 บาท ทั้งนี้ถ้าผู้เข้าแข่งขันทั้ง 5 คนสามารถเปิดแผ่นป้ายดู๋ได้ครบ 5 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัล 25,000 บาท โดยเงินรางวัลที่ได้จะมอบให้กับหน่วยงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ

ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นแผ่นป้ายกิ๊ก 8 แผ่นป้าย ดู๋ 7 แผ่นป้าย และดู๋คูณสอง 1 แผ่นป้าย ให้ผู้เข้าแข่งขัน 5 คน จะต้องเปิดป้ายคนละ 1 แผ่นป้าย ทั้งหมด 5 แผ่นป้าย ถ้าเปิดแผ่นป้าย "ดู๋" จะได้รางวัลป้ายละ 10,000 บาท ถ้าเปิดแผ่นป้าย "กิ๊ก" จะได้รับรางวัลป้ายละ 1,000 บาท ถ้าเปิดได้ป้ายดู๋คูณสอง เงินรางวัลของป้ายนั้น และป้ายต่อๆ ไปเงินรางวัลจะถูกคูณสอง และนำมารวมกับเงินรางวัลกับป้ายที่เปิดออกมาก่อนป้ายดู๋คูณสอง โดยเงินรางวัล สูงสุดคือ 100,000 บาท และเงินรางวัลที่ได้จะมอบให้แก่หน่วยงานสาธารณประโยชน์ต่างๆ

กิ๊กดู๋ สงครามเพลง : รูปแบบที่ 1 (27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 - 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555)

รูปแบบแรกจะมี 32 ทีมจาก 32 ชุมชน 32 อำเภอ ทีมละ 3 คน แบ่งเป็น 16 สาย สายละ 2 ทีมมาแข่งขันกันเพื่อหา 1 ชุมชนเพื่อต่อยอดและพัฒนาต่อไป

รูปแบบแรกนั้นใช้ไป 3 ฤดูกาล

เงินรางวัลสำผู้ชนะ (บาท)
รอบผู้ชนะรองชนะ
16 สาย/8 สาย/4 สาย20,00010,000
รองชนะเลิศ50,00010,000
ชิงชนะเลิศ500,00050,000
ขวัญใจสังเวียน (นัดพิเศษ)40,000 (+ 30,000 จากพิธีกร)20,000
ยกอุ่นเครื่อง

โดยจะมีโชว์พิเศษจากศิลปินรับเชิญก่อน จากนั้นศิลปินรับเชิญจะให้โจทย์เพลงนั้นๆ ก่อนที่ทั้ง 2 ทีมจะมาโชว์ร้องเพลง หลังจากนั้นศิลปินรับเชิญจะให้ 50 คะแนน สำหรับทีมที่ร้องดี

ยกที่ 1

ยกแรกจะมีแผ่นป้ายอยู่ 16 แผ่นป้ายแบ่งเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งละ 8 แผ่นป้ายเปิดเจอเพลงอะไร ก็จะต้องเลือกสมาชิกคนใดคนนึงต้องออกมาร้องเพลง ซึ่งคณะกรรมการจะให้คะแนนระหว่างร้อง เมื่อร้องจบทั้ง 2 คน จะประกาศคะแนน ทีมไหนมีคะแนนเยอะกว่าจะได้เปรียบ

ต่อมาใน ฤดูกาลที่ 2 และ 3 ได้ปรับกติกาใหม่ คือ สามารถเลือกเพลงที่ถนัดได้

ยกที่ 2

แตกต่างจะยกแรกคือ ทีมที่ชนะในยกแรกจะต้องเลือกสมาชิกที่เหลืออยู่มาร้อง โดยจะต้องเลือกเพลงจากแผ่นป้ายที่เหลือ เปิดเจอเพลงอะไรก็ต้องร้องเพลงนั้น โดยกรรมการจะให้คะแนนระหว่างร้อง หลังจากร้องจบ จะประกาศคะแนนซึ่งจะรวมจากคะแนนในยกแรกกับคะแนนในรอบนี้

ยกที่ 3

หลังจากส่งคนมาในทั้ง 2 ยกแล้ว ยกสุดท้ายคือ คนที่ยังไม่ได้ร้องเป็นคนสุดท้ายจะต้องมาร้องเพลงและกรรมการทั้ง 7 คนจะให้คะแนนขณะที่ร้องอยู่ พอร้องครบทั้งคู่ จะประกาศคะแนนเพื่อหาคนชนะโดยรวมจากคะแนนใน 2 ยกแรกมารวมกับรอบนี้ ใครที่มีคะแนนเยอะกว่าจะชนะและเข้าสู่รอบต่อไป

สงครามข้างสังเวียน

ช่วงการแสดงตลก โดยระยะแรก นักแสดงตลก ได้อธิบายเล่าเรื่องเกี่ยวข้องของทีมผู้เข้าแข่งขันในแต่ละจังหวัดที่ส่งเข้าแข่งขัน

ต่อมาในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นช่วง รอยยิ้มข้างสังเวียน โดยปรับเปลี่ยนมาเป็นการแสดงตลกในแต่ละตอนแทน ซึ่งมีความยาวประมาณ 5-10 นาที

ต่อมาสุดท้าย ช่วงนั้นก็ถูกยกเลิกใน กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ฤดูกาลที่ 3 เป็นต้นมา

รูปแบบที่ 2 (4 มีนาคม พ.ศ. 2555 - 26 มกราคม พ.ศ. 2556)

ต่อมาได้ปรับโฉมใหม่ในฤดูกาลที่ 4-8 ได้ลดจำนวนทีมให้แข่งขันได้เร็วขึ้น จาก 32 ทีม มาเป็น 16 ทีม ทีมละ 4 คน กรรมการลดเหลือเพียง 5 คน และเพิ่มช่วงใหม่เป็นการเงาเสียง

เงินรางวัลสำผู้ชนะ (บาท)
รอบผู้ชนะรองชนะ
8 สาย/4 สาย20,00010,000
รองชนะเลิศ50,00010,000
ชิงชนะเลิศ500,00050,000
แชมป์เจ้าสังเวียน (นัดพิเศษ)1,000,000500,000
ประชันดวลเพลง

ในฤดูกาลที่ 4 ทั้ง 2 ทีมจะต้องร้องเพลงจากคำในป้ายที่กำหนดภายในเวลา 5 วินาที โดยกรรมการตัดสินว่าผ่านหรือไม่ ถ้าทีมไหนจำไม่ได้ใน 5 วินาที หรือร้องไม่ถูก และกรรมการตัดสินว่าไม่ผ่าน ทีมนั้นได้ 10 คะแนน

ในตอนที่ 4 ของ ฤดูกาลที่ 4 (25 มีนาคม พ.ศ. 2555) ได้เพิ่มสิ่งอุปสรรคให้โหดขึ้นกว่าเดิม

ในตอนที่ 5 ของ ฤดูกาลที่ 4 (1 เมษายน พ.ศ. 2555) เปลี่ยนกติกาคือ ทีมฝ่ายตรงข้าม เลือกป้ายสมาชิกจากฝ่ายตรงข้าม (จาก 8 ป้าย) จากนั้น ร้องเพลงให้ได้นานที่สุดบนสิ่งอุปสรรคที่กำหนด(บนวัวกระทิงหรือวิ่งบนรางลู่วิ่ง) โดยจากนับเป็นวินาที ใครร้องได้นานสุด ได้ 10 คะแนน

ในยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ได้เปลี่ยนชื่อช่วงเป็น กระทิงซิงกิ้งคอนเทสต์ ลดเหลือสิ่งอุปสรรคคือ นั่งบนวัวกระทิง และการแข่งรอบนี้เหลือเพียง 1 รอบ เท่านั้น

ประชันเสียงดี

จาก 3 คนอยู่ในประชันดวลเพลง เหลือ 1 คนจากทั้ง 2 ทีมจะมาประชันร้องหนึ่งว่าใคร จะเข้าสู้รอบต่อไป โดยผลตัดสินเป็นคะแนนจากกรรมการทั้ง 5 คน (เหมือนรูปแบบแรก) รวมกับคะแนนจากรอบประชันดวลเพลง

ประชันเงาเสียง

ช่วงที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านที่มีเสียงคล้ายกับศิลปิน ในฤดูกาลที่ 4 จะมีสัปดาห์ละ 2 คน ซึ่งคนร้องที่เป็นเงาเสียง จะต้องเข้าไปที่ตู้และร้องเพลง ซึ่งกรรมการทั้ง 5 คน จะกด Like ให้นักร้องเงาเสียง ถ้ากรรมการกด Like 3 ใน 5 เสียง จะได้รับเงินรางวัล 2,000 บาท แต่ถ้ากรรมการ 5 คน กด Like ทั้งหมด จะได้รับเงินรางวัล 10,000 บาท และแต่ถ้ากรรมการกดไม่ถึง 3 Like จะโดนแป้งในตู้ทันที

ต่อมาในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา จะมีเจ้าของศิลปินมาเป็นกรรมการด้วย (มาในบางครั้ง รวมทั้งในยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน ด้วย) และนักร้องเงาเสียงทั้ง 2 คนจะเป็นเงาเสียงคนเดียวกัน และตู้ได้เพิ่มเป็น 2 ตู้

กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน : รูปแบบที่ 1 (26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 - 8 สิงหาคม พ.ศ. 2560)

กลับมาหลังจากรายการหายไป 1 เดือน กลับมาในรูปแบบเดิม เพิ่มเติมคือแจกเงินให้ชุมชนเป็น 1 ล้านบาท

เงินรางวัลสำผู้ชนะ (บาท)
รอบผู้ชนะรองชนะ
8 สาย/รองชนะเลิศ20,00010,000
ชิงชนะเสิศ/แชมป์เจ้าสังเวียน (นัดพิเศษ)1,000,000500,000
ประชันเงาเสียง

เปลี่ยนกติกาใหม่เล็กน้อยคือ โดยกรรมการทั้ง 5 คนจะให้กด Like ทีละคน แต่เงินรางวัลเป็นของยุค กิ๊กดู๋ สงครามเพลง เหมือนเดิม และรวมทั้งศิลปินต้นฉบับมาตัดสินด้วย กติกานี้ใช้ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ - 9 เมษายน พ.ศ. 2556 และ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

ต่อมาได้เปลี่ยนกติกาใหม่ในฤดูกาลที่ 2 (ล้านที่ 2) คือ โดยจะมีผู้เข้าแข่งขันสัปดาห์ละ 4 คน แบ่งเป็น 2 คู่ (โดยวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2556 มี 3 คน ต้องหาจับคู่ และคนที่เหลือต้องรอคนที่ชนะรอบแรกมาแข่ง) แต่ละคู่จะเข้าแข่งขันโดยร้องเพลง 1 เพลงของศิลปินประจำสัปดาห์ จากนั้นจะให้กรรมการ 5 ท่านเป็นผู้ตัดสิน โดยยกป้ายว่าพึงพอใจเสียงผู้เข้าแข่งขัน A หรือ B ผู้เข้าแข่งขันคนใดได้คะแนนจากกรรมการมากกว่า จะเข้ารอบต่อไปเพื่อแข่งขันกับผู้ชนะของอีกคู่ จากนั้นจะนำผู้ชนะของแต่ละคู่มาร้องเพลงของศิลปินประจำสัปดาห์ 1 เพลง เมื่อจบเพลงจะให้ศิลปินเจ้าของเพลงเป็นผู้ตัดสินว่าเสียงของผู้เข้าแข่งขันคนใดเสียงเหมือนที่สุด ผู้แพ้ในแต่ละรอบจะโดนแป้ง และผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนนจากคณะกรรมการหรือเจ้าของเงาเสียง

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงประชันเงาเสียง
  • ในเทปเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556 คู่ที่เป็นเงาเสียงในเทปนี้ เป็นเงาเสียงคนละคน และไม่มีศิลปินต้นฉบับมารับเชิญด้วย
  • มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ศิลปินเจ้าของเพลงที่ไม่สามารถตัดสินได้ว่าใครแพ้หรือชนะ เทปเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558 ในเงาเสียงพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ในรอบตัดสินนั้นมีดาว ขำมินและติ๊ก ธรรมนูญ ปานา เนื่องจากทั้งสองนั้นร้องเสียงได้เหมือน จึงทำให้หมู พงษ์เทพและกรรมการต้องให้แชมป์ร่วมและได้ร้องคู่กับหมูพงษ์เทพ[3]
ช่วงพิเศษ ต้นฉบับพบเงาเสียง

โชว์พิเศษ จากต้นฉบับ ที่ร่วมร้องเพลงกับเงาเสียงในรายการ

ประชันเสียงมัน Battle

ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีมจะต้องเลือก 1 แผ่นป้ายจากแผ่นป้ายผู้สนับสนุนทั้ง 8 แผ่นป้ายในฝั่งสีแดงและสีน้ำเงินของตนเอง (2 ฝั่งรวมเป็น 16 แผ่นป้าย) เพื่อเปิดชื่อจับคู่ผู้เข้าแข่งขันของฝ่ายตรงข้าม โดยจะเริ่มเป็นการแข่งขันในรอบที่ 1 ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่เหลือจะถูกจับคู่เป็นการแข่งขันรอบที่ 2 ต่อไป

หลังจากการแข่งขันกรรมการทั้ง 5 คน มีคนละ 1 คะแนน จะต้องยกป้ายเลือกว่าจะพอใจจังหวัดไหน จังหวัดใดที่ได้คะแนนมากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะในแต่ละรอบ และจะได้เก็บคะแนนสะสมไป โดยการ Battle ในรอบที่ 1 จะได้ 5 คะแนน และการ Battle รอบที่ 2 จะได้ 10 คะแนน ซึ่งรวมแล้วคะแนนเต็มในรอบนี้คือ 15 คะแนน

กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน : รูปแบบที่ 2 (2 กันยายน พ.ศ. 2560 - 13 มกราคม พ.ศ. 2561)

โชว์เปิดสนาม

เป็นการแสดงของนักร้องนักดนตรีวงต่าง ๆ มาแสดงก่อนเริ่มการแข่งขันสงครามเพลงเงินล้าน

กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงินล้าน : รูปแบบที่ 3 (8 มกราคม พ.ศ. 2562 - ปัจจุบัน)

เกมในการแข่งขันจะแข่งเป็น เดี่ยว แบบ ตัวต่อตัว

ประชันเงาเสียง

สืบเนื่องจากกติกาใน กิ๊กดู๋ สงครามเพลงเงาเสียง คือ ศิลปินต้นฉบับประจำสัปดาห์จะต้องเลือกแผ่นป้ายผู้สนับสนุน 8 แผ่นป้าย โดยแบ่งเป็นฝั่ง A สีแดง 4 แผ่นป้าย และฝั่ง B สีน้ำเงิน 4 แผ่นป้าย เพื่อเลือกผู้แข่งขัน 2 คนจาก 4 คนมาจับคู่เป็นการแข่งขันในคู่แรก ส่วนการแข่งขันคู่ที่ 2 ผู้ชนะจากคู่แรก จะมีสิทธิ์เลือกที่จะแข่งกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลือ อีก 2 คนได้โดยไม่ต้องเปิดแผ่นป้าย และรอบตัดสินผู้ชนะจากรอบที่ 2 จะต้องแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันที่เหลืออยู่ทันที

การตัดสินต้นฉบับจะมีสิทธิ์ร่วมตัดสินการแข่งขันในคู่แรกและคู่ที่ 2 ด้วย โดยต้นฉบับจะมี 2 Like (สามารถยกให้ได้ทั้ง A และ B ในกรณีที่ให้เสมอ) และกรรมการ 5 คนจะมีคนละ 1 Like หากผู้เข้าแข่งขันที่ได้คะแนน Like มากกว่าจะเป็นผู้ชนะในรอบนั้นและผู้แพ้จะต้องโดนแป้ง

ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นต้นมา (เทปเงาเสียงไมค์ ภิรมย์พร) จะเพิ่มตู้เป็น 4 ตู้ แต่ละตู้จะไม่เหมือนกัน จะมีกระดาษสี, น้ำ, แป้ง (ของเดิม) และโคลน(ภายหลังเพิ่มแยมขนมปัง ซึ่งมีรสชาติแตกต่างกันมาด้วย) ซึ่งผู้แข่งขันจะต้องเลือกตู้ก่อน ฝั่งที่แพ้ก็จะโดนสิ่งนั้นจากตู้ร่วงลงมาใส่ทันทีหมายเหตุ : ของลงโทษในแต่ละตู้อาจจะมีการสลับสับเปลี่ยนในแต่ละเทปได้และจะมีของลงโทษเพิ่มเติมในภายหลัง

ประชันเสียงดี

ในการแข่งขันได้เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย คือ โดยจะมีป้ายของฝังทีมเองทั้ง 8 ป้าย ซึ่งเป็นป้ายเพลงของ ศิลปินต้นฉบับประจำสัปดาห์ ทั้งหมด และผู้เข้าแข่งขันในชุมชน จะร้องเพลงตามแนวที่ถนัดของตน ตามป้ายเพลงที่เลือกไว้ โดยจะตัดสินจาก กรรมการ 5 คนจะให้คะแนน 1,000 คะแนน ใครได้คะแนนมากสุด ผ่านเข้ารอบต่อไป

กิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน

เปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้เร็วขึ้นคือ จะแจกเงินล้านเป็นรายสัปดาห์ เพื่อหาผู้ชนะไปช่วยร่วมกับดารา โดยทีมเป็นชุมชนของจังหวัด 2 ทีม ทีมละ 2 คน ซึ่งทีมที่แพ้และทีมพลาดเงินหนึ่งล้านบาทต้องกลับมา โดยโหวตทาง Facebook

ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยคือ ตั้งแต่ วันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ดาราจะมาแข่งด้วย เป็นคนละทีมรวมกับสมาชิกของชุมชนอีก 1 คน โดยดาราเลือกเป็นตัวแทนประจำชุมชน

รอบดวลเพลง

โดยจะมีป้ายของฝังทีมเองทั้ง 8 ป้าย เลือกป้ายคนที่จะร้องในคู่แรก และอีกคู่ไปดวลอีก 1 ยก กรรมการทั้ง 4 คนจะให้คะแนน โดยทั้ง 2 ยก มี 1,000 คะแนน ทีมใดได้คะแนนสูงสุดทั้ง 2 ยก เข้ารอบโบนัส ซุปตาร์เงินล้าน

รอบสุดท้าย (โบนัส ซุปตาร์เงินล้าน)

รอบสุดท้าย (Jackpot) ของ กิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน จะใช้รูปแบบเกมจากรอบแจ็กพอตของ 07 โชว์ ในยุคแรก มาปรับเปลี่ยนใหม่ โดยดาราจะงมหาเหรียญในตู้น้ำที่มีหีบสมบัติอยู่ ตามเวลากำหนด 45 วินาที โดยก่อนจะเริ่ม ทีมที่เข้ารอบจะได้เลือกป้ายเพิ่มเวลา 2 ป้าย จาก 9 ป้าย โดยมี 30 วินาที 1 ป้าย, 20 วินาที 6 ป้าย และ 10 วินาที 2 ป้าย

  • ต่อมาในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ทีมที่ได้รับกองเชียร์ยอดเยี่ยมของทีมที่เข้ารอบ จะเลือกได้อีก 1 ป้าย
  • ในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2561 ทางรายการได้ย้ายตู้น้ำจากด้านขวาของฉาก มาไว้ที่ตรงกลางด้านหลังประตูจอแอลอีดีเลื่อน และตั้งอยู่ตรงนั้นจนสิ้นสุดการออกอากาศ

ซึ่งในการงมหาเหรียญนั้น ภายในตู้น้ำจะมีหีบสมบัติอยู่จำนวน 3 หีบ ดาราจะต้องหาเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ของรายการแล้วเอามาวางที่แท่นใส่เหรียญเท่านั้น อย่าเจอเหรียญที่ไม่มีตราสัญลักษณ์ ภายในเวลาที่กำหนด (65 วินาที,75วินาที,85วินาที,95วินาที ,105วินาที,และสูงสุด 115วินาที)

โดยเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์มีค่าเงินรางวัลเหรียญละ 10,000 บาท แต่ถ้าเจอเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ครบ 7 เหรียญ จะได้รับเงินรางวัล Jackpot ให้ชุมชน 1,000,000 บาท แต่ในกรณีเมื่อหมดเวลาแล้วไม่สามารถหาเหรียญที่มีตราสัญลักษณ์ของรายการจนเจอ ชุมชนจะได้รับเงินรางวัลปลอบใจไป 10,000 บาท