ประเภทของกีตาร์ ของ กีตาร์

กีตาร์โปร่ง

Renaissance guitarsมีขนาดเล็กกว่ากีตาร์คลาสสิก ให้เสียงที่เบากว่ามาก ใช้สายไนล่อน แบบเดียวกับกีตาร์คลาสสิก นิยมเล่นในสมัยโบราณ ปัจจุบันไม่ค่อยได้รับความนิยมClassical guitarsกีตาร์คลาสสิก (Classic Guitar) หรือกีตาร์สายไนล่อน นิยมเล่นเพลงบรรเลง แบบ single note (finger-picking) ดังนั้น คอกีตาร์คลาสสิก จึงมีความกว้างกว่ากีตาร์ไซด์มาตรฐาน ทั่วไปNylon String ชนิด Hybrid (หรือกีตาร์ลูกครึ่งระหว่าง กีตาร์คลาสสิกสายไนล่อน กับ กีตาร์โปร่งสายเหล็ก)แม้จะใช้สายกีตาร์ชนิดไนล่อน แบบเดียวกับกีตาร์คลาสสิก แต่สัดส่วน องค์ประกอบหลายอย่าง จะต่างจากกีตาร์คลาสสิก เช่น คอที่เล็กกว่า เพื่อสะดวกในการจับด้วยมือซ้าย

มีภาคไฟฟ้า, คอมี truss rod (เหล็กดามคอ) เพื่อใช้ปรับองศาคอได้, มีคอแบบ cut away, ลำตัว body จะบางกว่ามาตรฐาน เป็นต้นกีตาร์สายไนล่อนชนิดนี้ สามารถเล่นแนวหรือสไตล์เพลงได้กว้างกว่า กีตาร์สายไนล่อนชนิด Classic Guitar

Flat-top (steel-string) guitars หรือที่รู้จักกันในชื่อ กีตาร์โปร่งกีตาร์โปร่งสายเหล็กมีหลาย ๆ รูปทรง เช่น กีตาร์ทรง Dreadnought (D), Orchestra Model (OM), Grand Concert (GC), Grand Auditorium (GA), Jumbo (J), และขนาด 3/4 กีตาร์ขนาดเล็ก

กีตาร์โปร่งสายเหล็กต่างกีตาร์คลาสสิกอยู่หลาย ๆ ประการ เช่น วิธีการเล่น, สายกีตาร์ที่ใช้, โครงสร้างภายในตัวกีตาร์หรือ Bracing, เหล็กดามคอหรือ truss rod เพื่อปรับแต่งองศาคอได้ เนื่องจากแรงดึงของสายกีตาร์มีมาก อาจจะทำให้องศารอเปลี่ยนได้ ผู้เล่นจึงสามารถปรับแต่งองศาได้ตามความชอบ, กีตาร์โปร่งสายเหล็ก (Flat-top) ถูกสร้างมามากกว่า 180 ปี (หลังมีกีตาร์สานไนล่อน)เนื่องจากในวงดนตรี มีเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ เข้ามาร่วมเล่นด้วย และประกอบกับสไตล์เพลงมีความหลากหลายมากขึ้น ผู้เล่นจึงต้องการกีตาร์ที่มีเสียงดัง กังวานมากพอที่สามารถใช้รวมเล่นกับเครื่องดนตรีประเภทอื่น ๆ ดังนั้น กีตาร์โปร่งสายเหล็กจึงมีเอกลักษณ์ที่เสียงดังกังวาน กีตาร์โปร่งสายเหล็กสามารถเล่นได้กว้างหลากหลายสไตล์เพลงเช่น pop, folk, Bluegrass, finger-style, jazz, blues เป็นต้น กีตาร์โปร่งที่ดี จะต้องให้เสียงที่ดัง กังวาน มีความ balance ของทุก ๆ ย่านเสียง ทุก ๆ สายกีตาร์ต้อง balance กัน

Archtop guitarsจุดเด่นคือ ด้านหน้าของกีตาร์ (top) จะโค้ง โพรงเสียงไม่เป็นช่องกลม แต่จะเป็นรูปตัว F สะพานยึดสายหรือ Bridge จะแตกต่างจาก กีต้ารโปร่ง

(คนไทยนิยมเรียกว่า หางปลา) นิยมใช้เล่นในดนตรีแจ๊ส และ Blues เอกลักษณ์ของเสียง เสียงของ arch top guitar จะมีเสียงโน้ตห้วน สั้น คือ หางเสียงจะไม่ยาวเหมือกีตาร์โปร่งสายเหล็กทั่วไปทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะกับการเล่นเพลง Jazz, Blues

Resonatorหรือ Resophonic หรือ dobro คล้ายกับกีตาร์ Flat-top นิยมเล่นเพลงสไตล์ Country12 string guitarsจุดเด่นคือ จะมีสายกีตาร์ 12 สาย นิยมใช้เล่นในสไตล์เพลง cowboy, country นิยมใช้ตีคอร์ด ไม่นิยมใช้เล่นแบบ pickingAcoustic bass guitarsเป็นกีตาร์เบสในรูปแบบอคูสติก มีสายและเสียงเหมือนกัน โน้ตที่เล่นจะใช้ "กุญแจฟา" ให้เสียงทุ้มต่ำ นุ่มนวลTenor guitarsมี 4 สายHarp guitarsจะมีสาย harp เพิ่มขึ้นมา จากปกติที่มี 6 สาย สาย harp จะให้เสียงต่ำหรือเสียงในช่วงเบส ปกติจะไม่มีฟิงเกอร์บอร์ดหรือเฟร็ตUkulele Guitarเป็นกีตาร์ ขนาดเล็ก มี 4 สาย

กีตาร์ไฟฟ้า

แบ่งตามโครงสร้างของลำตัวกีตาร์ (Body) อาจแบ่งได้เป็น 3 ชนิด คือ

กีตาร์ตัวตัน (Solid Body)หมายถึง กีตาร์ไฟฟ้าปกติที่ลำตัวมีลักษณะตัน ไม่มีการเจาะช่องในลำตัวกีตาร์เหมือนอย่างกีตาร์โปร่ง หรือ อะคูสติกกีตาร์ แต่บริเวณลำตัวจะมีตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีตาร์ (Pick Up) ขณะที่ดีด เพื่อส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียง (Amplifier) ต่อไป โดยทั่วไป ตัวรับสัญญาณจะมี 2 ประเภท คือ ตัวรับสัญญาณแบบแถวเดี่ยวที่เรียกว่า Single Coil และแบบแถวคู่ที่เรียกว่า Humbuckerกีตาร์ลำตัวกึ่งโปร่ง (Semi-Hallow Bikiniเป็นกีตาร์ไฟฟ้าที่มีลักษณะโครงสร้างส่วนกลางของลำตัวในแนวเดียวกับคอกีตาร์ มีลักษณะตัน (แต่มีการเจาะช่องเพื่อใส่ตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีตาร์ (Pick Up) เช่นเดียวกับกีตาร์ตัวตัน) บริเวณส่วนข้างของกีตาร์มีการเจาะช่อง (Sound Hole) เอาไว้เพื่อให้เกิดการกำทอนของเสียงมากกว่ากีตาร์ตัวตัน ซึ่งจะให้เสียงที่เป็นอคูสติกมากขึ้น นิยมใช้ในดนตรีแจ๊สหรือบลูส์ เป็นกีตาร์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อลดเสียงรบกวนที่เรียกว่าFeed back ซึ่งเกิดจากกีตาร์ไฟฟ้าลำตัวโปร่ง (กล่าวคือ ยังมีเสียงรบกวนบ้างแต่น้อยลงกว่าเดิม)กีตาร์ลำตัวโปร่ง (Hallow Body)กีตาร์ไฟฟ้าที่มีการเจาะช่องเอาไว้เพื่อให้เกิดการกำทอนของเสียง (Sound Hole) เช่นเดียวกับกีตาร์โปร่งหรืออคูสติก และกีตาร์ลำตัวกึ่งโปร่ง ปกติช่องดังกล่าวมักจะอยู่ด้านข้างของลำตัวกีตาร์ เนื่องจากบริเวณกลางลำตัวจะมีการใส่ตัวรับสัญญาณแรงสั่นสะเทือนของสายกีตาร์ (Pick Up) เช่นเดียวกันกับกีตาร์ตัวตัน ซึ่งผลของการที่มีช่องกำทอนเสียง ทำให้ลักษณะของเนื้อเสียงที่ได้เป็นอคูสติกมากกว่า กีตาร์ Semi-Hallow Body แต่หากขยายเสียงให้ดังมากจะก่อให้เกิดเสียงรบกวนที่เรียกว่า Feed back กีตาร์ประเภทนี้มักจะนิยมใช้กับดนตรีแจ๊สหรือบลูส์เป็นส่วนใหญ่