การถึงแก่กรรม ของ ขุนศรีวิชัย

ภายหลังจากที่ขุนไกรพลพ่ายถึงแก่ความตายแล้ว ในบ้านโป่งแดงแห่งจังหวัดสุพรรณบุรีนั้นมีซ่องโจรอยู่ชุกชุม มีนายโจรชื่อ "จันศร" โจรเหล่านั้นเสพสุรายาเมาทุกวัน และลองของกันเอาดาบฟันกันเอาปืนยิงใส่กันก็มิเป็นอันตรายใด ๆ

เหล่าโจรพอทราบว่าขุนศรีวิชัยมีสมบัติมากมายก็ต้องตาต้องใจให้เข้าปล้นยิ่งนัก นายจันศรจึงยกพลราวกับยกทัพออกรบ ตัวนายโจรนั้นขี่ช้างราวกับจอมทัพ และทัพโจรนั้นติดอาวุธนานาชนิดและมากมาย พอมาถึงชายป่าใกล้อำเภอเมืองสุพรรณบุรีก็พักพลเพื่อทำพิธีบูชาครูโจร พิธีดังกล่าวนี้ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายว่า[2]

พิธีกรรมนั้นก็คือการไหว้ครูแล้วปลุกเสกเครื่องอาวุธที่จะนำไปใช้ในการปล้น เริ่มด้วยการปลูกศาลเพียงตา ศาลเพียงตานั้นทำด้วยไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ปีกเป็นเสา 4 เสายกพื้นขึ้นมาให้สูงเพียงตา...จะสังเวยเทวดา และใช้ไม้ไผ่ปูพื้นซึ่งกว้างยาวจัตุรัสไม่เกิน 1 เมตร แล้วยกไม้ไผ่เป็นเสาสูงขึ้นไปมีหลังคาดาดผ้าขาวอยู่เหนือพื้นนั้น...

ศาลเพียงตานี้เป็นศาลที่ตั้งขึ้นเพื่อสังเวยเทวดาหรือภูตผีปีศาจเป็นการชั่วคราว จะเป็นที่บ้านหรือตามถนนหนทางโดยเฉพาะทางสามแพร่งก็ได้

ศาลเพียงตานี้ของโจรนั้นจะทำอย่างประณีตไม่ได้ จึงได้แต่ตั้งเครื่องสังเวยตามแต่จะหาได้ แล้วเอาเครื่องรางของขลังตลอดจนอาวุธของโจรวางไว้บนศาล จุดธูปเทียนบูชาเทวดา แล้วตั้งพวกน้ำมันหอมและกระแจะสำหรับเจิมหน้าไว้บนศาลนั้นเช่นเดียวกัน

พอเริ่มการ ผู้ที่ทำพิธีก็ตั้งนะโมขึ้นสามจบ...จึงว่าคาถาชุมนุมเทวดา...บูชา...ครูบาอาจารย์ที่ได้เคยสอนคาถาอาคมทำให้เหนียวบ้าง ทำให้หายตัวได้บ้าง ตลอดจนสอนวิธีให้เลี้ยงผีเอาไว้ใช้สอย...

ที่พูดมานี้อย่านึกว่าผมเป็นผู้วิเศษไม่เชื่อถือในสิ่งเหล่านี้ ความจริงผมเชื่อ ไปไหนก็ห้อยพระเครื่องและมีเครื่องราง รู้คาถาอาคมที่จะใช้ท่องบ่นเมื่อมีเหตุต่าง ๆ หรือเมื่อมีความปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่องคาถาแล้วจับปลายกิ่งไม้ให้หายตัวได้ แต่ก็มีคนตาบอนแอบมองเห็นทุกที...

เมื่อโจรสังเวยเทวดาและไหว้ครูแล้วก็เสกเหล่าแจกกันกัน...

เมื่อพิธีกรรมบูชาครูโจรสิ้นสุดลง บรรดาโจรก็ยกเข้าปล้นบ้านขุนศรีวิชัยโดยมีการโห่ร้องอึกทึกเป็นเชิงจิตวิทยาให้คนในบ้านแตกตื่น ขุนศรีวิชัยนั้นมีวิชาอาคมอยู่ยงคงกระพันฟันไม่เข้าแทงไม่ออกเช่นกัน โจรจึงจับฆ่าด้วยการเอาไม้ไผ่เหลาแหลมเทียงทะลุร่างกายจากทวารหนักออกปาก ขุนศรีวิชัยจึงตายด้วยวิธีการแปลกประหลาดตามความเชื่อทางไสยศาสตร์เช่นนี้ แล้วโจรก็ขนเอาทรัพย์สมบัติไป แต่ทรัพย์สินของขุนศรีวิชัยนั้นมีมากเหลือไม่อาจขนไปหมดได้ กับทั้งเมื่อโจรไปแล้วก็ปรากฏว่าครอบครัวขุนช้างยังอยู่มั่งมีได้จากทรัพย์เดิมที่เหลือ แสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของขุนศรีวิชัย

นับแต่นั้น นางเทพทองภริยาขุนศรีวิชัยก็ปกครองครอบครัวสืบต่อมา

ใกล้เคียง

ขุนศรีวิชัย ออกขุนศรีวิสารวาจา ขุนศึก (บันเทิงคดี) ขุนณรงค์ ประเทศรัตน์ ขุนวรวงศาธิราช ขุนรองปลัดชู ขุนรองปลัดชู (ภาพยนตร์) ขุนศึกพิศดารสะท้านโลก ขุนปราบดาบข้ามภพ ขุนบรม