การถึงแก่กรรม ของ ขุนไกรพลพ่าย

ต่อมาสมเด็จพระพันวษา พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้นเสด็จทอดพระเนตรฝูงควายป่าดังกล่าว ขุนไกรซึ่งคุมกองทหารมากมายจึงมีหน้าที่ถวายอารักขาและต้อนควายป่ามาให้ทอดพระเนตร

ในการออกจากบ้านไปทำหน้าที่ในวันนั้น เหตุที่ดวงขุนไกรถึงฆาต จึงปรากฏเป็นลางร้ายบอกเหตุต่าง ๆ นานาที่บ้านขุนไกร ดังเสภาขุนช้างขุนแผนว่า

ให้มีลางคืนนั้นสนั่นอึง     แมงมุมตีอกผึงหาหยุดไม่
สยอดสยองพองขนทุกคนไป     เย็นยักเยือกจับใจไปทุกยาม

นอกจากนี้ ในคืนที่ขุนไกรอยู่บ้านเป็นครั้งสุดท้าย นางทองประศรียังหลับฝันร้ายว่าฟันร่วงจากปากอีกด้วย ฝันเช่นนี้เชื่อกันว่าเป็นฝันร้ายนักเพราะถ้าใครฝันแล้ว บิดา มารดา สามี หรือภรรยาของผู้ฝันนั้นจะถึงแก่ความตาย หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช อธิบายว่า[4]

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลก ผมเองเป็นคนไม่ค่อยจะเชื่อถือในโชคลางแต่อย่างใดเลย โดยเฉพาะเรื่องฝันนั้นถ้าจะว่าไปก็เกือบฝันไม่เป็น และถ้าเกิดฝันขึ้นแล้วก็มักจะจำไม่ได้เมื่อตื่นขึ้น...แต่ในคืนก่อนที่พ่อผมจะตายนั้น ผมจำได้เป็นแน่นอนว่า ผมฝันว่าฟันผมยุ่ยเป็นแป้งไปทั้งปากจนไม่มีเหลือ พอตื่นขึ้นในรุ่งเช้าวันนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงพ่อผมก็ตาย

วันที่ขุนไกรไปปฏิบัติหน้าที่ ฝูงควายป่าเกิดแตกตื่นเป็นโกลาหลอยู่หน้าที่นั่งและมีที่ท่าว่าจะฝ่าเข้ามาถึงพระที่นั่ง ขุนไกรจึงคว้าหอกไปยืนประจันกับฝูงควายแล้วไล่แทงจนล้มตายสุมกันนับร้อยตัวเพื่อป้องกันพระองค์

ฝ่ายสมเด็จพระพันวษานั้นมีพระราชประสงค์อนุรักษ์ฝูงควายป่านั้นไว้และสนพระราชหฤทัยในความเป็นอยู่ของควายฝูงนี้ยิ่งนักถึงขนาดเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง แต่เมื่อขุนไกรผู้มีหน้าที่รักษาพันธุ์ควายป่ากลับประหารควายป่าเสียเอง จึงทรงพระโกรธยิ่ง มีรับสั่งให้ประหารชีวิตขุนไกรในทันทีทันใดนั้น แล้วให้นำศพของขุนไกรเสียบขาหย่างถ่างไว้ประจาน กับให้ริบลูกเมีย ข้าทาสบริวาร ตลอดจนทรัพย์สินต่าง ๆ ของขุนไกรเข้าเป็นของหลวงสิ้น

"ขุนไกรนั้นพอได้ยินว่าตนจะถูกประหารชีวิตก็ดูออกจะเสียสติไม่สมกับชายชาติทหารเลย เพราะร้องห่มร้องไห้และพรรณนาไปต่าง ๆ คร่ำครวญ และเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดินเหมือนคนขาดสติ..."[5] หลวงฤทธานนท์เพื่อนเก่าของขุนไกรซึ่งอยู่ ณ ที่นั้นด้วยจึงเข้ามาปลอบโยนจนขุนไกรได้สติ ยอมให้เพชฌฆาตมัดตัวกับหลักที่จะประหารชีวิตในท่านั่งประนมมือบนพื้นดินอย่างการประหารชีวิตทั่ว ๆ ไป แล้วหลับตานึกในใจว่าขอตายอย่างชายชาติทหาร และชี้นิ้วสั่งให้เพชฌฆาตลงมือได้เลย

ระหว่างนั้น หลวงฤทธานนท์ได้แจ้งข่าวแก่นางทองประศรี นางจึงหอบลูกและเงินอีกสองถูกหลบหนีไปอาศัยกับญาติของสามีที่ตำบลเขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุรี และเริ่มนับหนึ่งตั้งเนื้อตั้งตัวใหม่จนกลับมามั่งคั่งอีกครั้งหนึ่ง