งานสร้างภาพยนตร์ ของ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า_3_ตอน_ศึกอภินิหารครูเสด

ต่อมาเมื่อหนังภาค 2 ฉายไปและยังทำเงินอยู่ ทางจอร์จ ลูคัส ก็เริ่มมาคุยกับผู้กำกับ ถึงหนังภาค 3 ซึ่ง จอร์จ ลูคัส เสนอว่าอยากให้ภาค 3 มันเกี่ยวกับเรื่องของบ้านผีสิงอะไรทำนองนั้น แต่เผอิญช่วงนั้น ผู้กำกับ เพิ่งสร้าง Poltergeist ไปเมื่อปี 1982 และเขาก็ไม่อยากทำอะไรที่มันซ้ำซาก จอร์จ ลูคัส เลยคิดบทเกี่ยวกับเรื่องของจอกกาลิซขึ้นมาแทน แล้วผู้กำกับ ก็เสนอให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อลูกตระกูลโจนส์ ซึ่งคนที่จะมาแสดงเป็นพ่อของอินดี้ คือ ฌอน คอนเนอรี่ เขาคือต้นตำรับแห่ง เจมส์ บอนด์ และนักแสดงอื่นๆ จาก 007 ในแต่ละภาค

จอห์น รีส-เดวี่ กับ Denholm Elliott ก็มารับบทเดิมจากภาคแรก เป็นซัลล่าห์และมาร์คัส ซึ่งคราวนี้ทั้งสองคนก็ลงมาร่วมผจญภัยกับอินดี้สองพ่อลูกด้วย เพื่อให้มันเลยสนุกไปกันใหญ่ จอห์น รีส-เดวี่ เป็นคนถนัดเรื่องฮา Denholm Elliott ก็เสริมเข้าไปอีก แบบให้สนุกเลยเพลินไปกันใหญ่ Alison Doody ผู้หญิงอินดี้ของภาคนี้ เป็นอีกหนึ่งดาราที่แสดงอารมณ์ทางดวงตาได้ดีมากคนหนึ่ง ตอนที่แสดงอารมณ์โลภ ทำได้เยี่ยมมาก เหมือนเธอตกอยู่ในภวังค์ของสมบัติชิ้นนั้นจริงๆ อีกคนที่น่าจดจำไว้ คือ River Phoenix ที่มาแสดงเป็นอินดี้ตอนหนุ่มในเมื่อภาพยนตร์เริ่ม

John Williams ก็ยังจัดว่าโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆ ของเขาเลยทีเดียวครับ โดยเฉพาะเพลงแห่งจอก และเพลงในฉากสุดท้ายที่วิหารจันทร์เสี้ยวนั่น ต้องบอกว่าทรงพลังสุดๆ จนผมขอยกให้เป็นดนตรีที่ดีที่สุดของเขา

เนื้อหาในภาคนี้ ก็อย่างที่เคยเกริ่นไว้ในรีวิวภาคที่แล้วครับว่าเรื่องของจอกกาลิซนั้นมันใกล้ตัวชาวคริสต์มากแค่ไหน ส่วนมากก็เคยได้ยินเหมือนเป็นนิทานก่อนนอนมาแต่ไหนแต่ไร ดังนั้นเวลาทำหนังมันเลยเข้าถึงได้ง่าย การเล่าตำนานจึงเป็นไปอย่างเร้าใจมากๆ การตามปมก็ชวนลุ้นและน่าติดตามมาก ซึ่งทีนี้หนังเลยสมบูรณ์สุดๆ เพราะเนื้อเรื่องหลักอันเป็นตำนานของจอกก็น่าติดตามและทิ้งปมอย่างดีชวนให้อยากรู้ต่อ ส่วนพล็อตรองก็เป็นเรื่องพ่อลูกตระกูลโจนส์และการตามล่าของนาซี ผลก็คือหนังทั้งเรื่องแน่นตลอดครับ ไม่มีช่วงโล่งโถงเลยแม้แต่น้อยเดียว ทุกฉากล้วนมีความหมายหมด

ใกล้เคียง