ก่อนมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี ในเดือนมิถุนายน 2562 มีข่าวการแย่งชิงตำแหน่งภายในพรรคพลังประชารัฐ โดยสมาชิกกลุ่มสามมิตรบางส่วน ได้แก่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, สมศักดิ์ เทพสุทิน และอนุชา นาคาศัยแถลงยืนยันว่าตนต้องได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีตามโผในวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งหากไม่ตรงก็จะแสดงจุดยืนอีกครั้ง และมีข่าวกลุ่มสามมิตรพยายามเสนอญัตติขับไล่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ออกจากตำแหน่ง เพราะ "เป็นภัยต่อความมั่นคงของพรรคและของรัฐบาลเป็นอย่างสูง ... ไม่ยึดโยงกับ ส.ส. ในพรรค ไม่เห็นหัว ส.ส. ในพรรคแม้แต่คนเดียว ... ท่านทำให้พรรคเราแตกแยก"[3] ก่อนที่ต่อมากลุ่มสามมิตรจะยอมล้มข้อเรียกร้องของตนเองและยอมรับให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จัดสรรคณะรัฐมนตรี[4] โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าจะมีการเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก อุตตม สาวนายน เป็นพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา[5]

วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีใหม่[6] โดยสมาชิกคณะรัฐมนตรีมาจากพรรคพลังประชารัฐ 18 คน (โควตาประยุทธ์ 7 คน, โควตากลางของพรรค 3 คน, โควตา กปปส. 2 คน, โควตากลุ่มสามมิตร 2 คน และโควตากลุ่มอื่น ๆ 4 คน) พรรคประชาธิปัตย์ 7 คน ภูมิใจไทย 7 คน ชาติไทยพัฒนา 2 คน รวมพลังประชาชาติไทย 1 คน และชาติพัฒนา 1 คน ซึ่งการจัดสรรจำนวนดังกล่าวมาจากสัดส่วน ส.ส. 3–7 คนต่อรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง ในจำนวนนี้มี 4 คนที่อยู่ระหว่างพิจารณาวินิจฉัยการขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. จากกรณีถือครองหุ้นบริษัทสื่อโดยศาลรัฐธรรมนูญ ได้แก่ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ นายสาธิต ปิตุเตชะ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ[7][8]

วันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 เวลา 17:45 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จำนวน 36 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่[9][10]