กติกาพื้นฐาน ของ คริกเกต

● แบ่งเป็น 2 ทีม ทีมหนึ่งมีผู้เล่นในสนาม 11 คน แต่สำหรับการแข่งขันระดับยุวชนหรือเยาวชนบางครั้งจะใช้ 8 คน

● ในเกมการแข่งขันหนึ่งจะมีอย่างน้อย 1 อินนิ่ง กล่าวคือทั้งสองทีมจะผลัดกันเป็นฝ่ายลงสนาม (Fielding) และฝ่ายตี (Batting) อย่างน้อยทีมละ 1 ครั้ง

● ทั้งสองทีมจะได้เล่นโอเวอร์มากสุดเท่ากัน ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 10 โอเวอร์, 20 โอเวอร์, หรือมากสุดที่ 50 โอเวอร์ ซึ่งโอเวอร์หนึ่งมี 6 ลูก เว้นแต่ทีมนั้นมีมือตีออกจากสนามครบ 10 คนก่อนจะเล่นครบโอเวอร์ เมื่อจบโอเวอร์หนึ่งแล้วฝ่ายลงสนามสามารถเปลี่ยนมือขว้างได้

● ฝ่ายลงสนามจะมีมือขว้าง (Bowler) ทำหน้าที่เป็นคนขว้างลูกให้มือตี (Batsman) ที่ต้องตีลูกคริกเกต โดยฝ่ายลงสนามต้องทำให้ฝ่ายตีออกจากสนาม (Out) โดย...

• มือขว้าง ขว้างลูกให้โดนไม้วิคเก็ต (Wicket) ที่อยู่ด้านหลังของมือตี

• จับลูกที่มือตี ตีออกมาโดยที่ลูกยังไม่สัมผัสพื้นหรือออกจากสนาม

• มือขว้าง ขว้างลูกให้โดนขาของมือตีที่อยู่ด้านหน้าของไม้วิคเก็ต

• ฝ่ายลงสนาม โยน ขว้างหรือปาลูกไปโดนไม้วิคเก็ตก่อนที่มือตีจะวิ่งมาถึงสุดเส้นของลานวิ่ง ถ้าโดนไม้วิคเก็ตฝั่งไหน มือตีที่ยืนฝั่งนั้นก่อนจะเริ่มเล่นลูกนั้นต้องออกจากสนาม

● ขณะที่มือตี มีหน้าที่ทำคะแนนหรือรัน (Run) จนกว่าจะออกจากสนามหรือครบโอเวอร์โดย...

• ตีลูกคริกเกตและวิ่งไปยังไม้วิคเก็ตอีกฝั่งหนึ่งก่อนที่ฝ่ายลงสนามจะโยนลูกไปโดนไม้วิคเก็ตฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เมื่อมือตีทั้งสองคนวิ่งไปสุดทางวิ่งแล้วจึงนับเป็น 1 รัน แต่มือตีสามารถตัดสินใจได้ว่าจะไม่วิ่งออกไปเลยก็ได้ถ้าเห็นว่าลูกนั้นเสี่ยงถูกทำให้ออกจากสนาม หรือจะวิ่งเอามากกว่า 1 รันก็ได้ถ้าเห็นว่าฝ่ายลงสนามไม่สามารถโยนบอลเข้ามาได้ทัน

• ตีลูกให้ออกจากสนามโดยที่ลูกกระดอนหรือสัมผัสพื้น นับเป็น 4 รัน

• ตีลูกให้ออกจากสนามโดยที่ลูกลอยออกหรือไม่สัมผัสพื้นเลย นับเป็น 6 รัน

● เป้าหมายของฝ่ายลงสนามคือทำให้ฝ่ายตีออกจากสนามให้ครบ 10 คน

● ฝ่ายไหนได้รันมากที่สุดถือเป็นผู้ชนะ[2]